“เครือข่ายเหล้า” ยื่นถอนเหล้า-บุหรี่ ออกจากกรอบเจรจาเอฟทีเอไทย-อียู

 

 

 

 

เลขานุการเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ ยื่นหนังสือให้รัฐสภาถอดบัญชีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ออกจาการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป (อียู)

นายชูวิทย์ จันทรส เลขานุการเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ พร้อมด้วยเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อื่นๆ อีก 100 คน ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึง นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา เพื่อให้ถอนบัญชีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ ออกจากกรอบการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป (อียู) มีตัวแทนเครือข่ายฯ ผลัดกันมาปราศรัยพิจารณากรอบเจรจาดังกล่าว โดยมีนายวัฒนา เซ่งไพเราะ โฆษกประจำตัวประธานรัฐสภา เป็นตัวแทนรับมอบหนังสือ

โดย นายชูวิทย์ กล่าวว่า เนื่องจากทราบว่าในวันนี้รัฐสภาได้บรรจุร่างกรอบเจรจาความตกลงการค้าเสรีดังกล่าว เข้าสู่วาระการพิจารณาของสภาฯ ดังนั้น ทางเครือข่ายและภาคประชาชนจึงต้องการย้ำจุดยืน เพื่อให้รัฐสภาถอดบัญชีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ออกจาการเจรจา เนื่องจากสินค้าดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและทำลายสังคม ซึ่งรัฐบาลยังไม่มีมาตรการป้องกันและแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้งทางกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ มีการดำเนินการดำเนินการในการรับฟังเสียงจากประชาชนอย่างเร่งรีบ จึงทำให้ขาดการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนอย่างแท้จริง

นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า จากกรณีดังกล่าว ทางเครือข่ายจึงขอแสดงจุดยืน 3 ข้อ คือ ภาคีเครือข่ายฯ ขอคัดค้านการนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่ในบัญชี การเจรจาเอฟทีเอระหว่างไทยกับอียู ต่อมา ขอประณามความฉ้อฉลของกระทรวงพาณิชย์และกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ที่มีเจตนาหลอกลวงประชาชน โดยมิได้นำข้อเสนอให้ถอนบัญชีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ออกจากกรอบเจรจา และ ขอให้ที่ประชุมรัฐสภา ทบทวนการพิจารณาร่างกรอบเจรจาเอฟทีเอ ไทยกับอียู ออกไปก่อน จนกว่ารัฐบาลจะมีมาตรการป้องกันแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม เช่น การเพิ่มภาษีสรรพสามิตให้สูงขึ้นกว่าอัตราปัจจุบัน การห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยสิ้นเชิง เป็นต้น

“หวังว่าการประชุมรัฐสภาในวันนี้ จะไม่ดำเนินการใดๆ ที่ขัดต่อเสียงคัดค้านหรือเจตนารมณ์ของประชาชน เนื่องจากขณะนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้นจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อยู่ในช่วงวิกฤตเพราะมีผู้เสียชีวิตจากสุรามากถึง 26,000 คน ต่อปี ทั้งนี้การเป็นทุนใหญ่ข้ามชาติย่อมมีศักยภาพสูงในการทำตลาด ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบทำให้การออกมาตรการควบคุมสินค้าเหล่านี้จะทำได้ยากในอนาคต และผลกระทบจะตกอยู่กับประชาชนคนไทยโดยส่วนรวม” นายชูวิทย์ กล่าว

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

 

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code