เครือข่ายเยาวชนยื่นหนังสือบริษัทบุหรี่ให้ถอนฟ้อง
เครือข่ายเด็กและเยาวชนไทย ส่งจดหมายถึงผู้บริหารบริษัทบุหรี่ ว่าอย่าคิดถึงกำไรจากการขายสินค้าที่ฆ่าลูกค้าของตนเอง จนลืมความถูกต้องและจริยธรรม และเรียกร้องให้ถอนฟ้องกระทรวงสาธารณสุขกรณีกระทรวงกำหนดให้เพิ่มคำเตือนบนซองบุหรี่เป็น 85 %
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา เครือข่ายเยาวชนซึ่งประกอบด้วย เครือข่ายของนักเรียนระดับมัธยม และเครือข่ายนักศึกษา มหาวิทยาลัยต่างๆ รวมทั้งกลุ่ม young filmmakers of thailand เครือข่ายรณรงค์ทาง facebook และ social network ต่างๆ ได้ไปทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ณ ลานหน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ด้วยการล้มลงพร้อมกัน 140 คน เพื่อรณรงค์ให้สังคม ตระหนักว่า ญาติพี่น้องคนไทยของเราตายจากบุหรี่ถึงวันละ 140 คน พร้อมชูป้าย “บุหรี่ = ป่วย+ตาย” และป้ายเรียกร้องให้บริษัทบุหรี่ถอนฟ้องกระทรวงสาธารณสุข และเพื่อให้ข้อมูลแก่เพื่อนเยาวชนให้รู้เท่าทันบริษัทบุหรี่ และไม่หลงเป็นลูกค้าของบริษัทบุหรี่
นายชัชวาล มณฑาทิพย์กุล ตัวแทนเยาวชนจากเครือข่ายต่างๆ กล่าวว่า เครือข่ายเยาวชนได้ส่ง จดหมายถึงผู้จัดการบริษัทฟิลิป มอร์ริส และผู้จัดการบริษัทแจแปนโทแบคโค ซึ่งเป็น 2 บริษัทที่ยื่นฟ้อง กระทรวงสาธารณสุข เรียกร้องให้ทั้ง 2 บริษัทใช้สติไตร่ตรองดูเสียใหม่ ว่าสมควรแล้วหรือที่บริษัทไปฟ้องศาล เพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่ต้องปฎิบัติตามกฎหมายที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้พิมพ์คำเตือนขนาดใหญ่บนซองบุหรี่
“พวกผมรู้ดีครับว่า บริษัทเหล่านี้ต้องการหากำไรเพิ่มขึ้น ด้วยการล่าลูกค้าใหม่เข้ามาแทนลูกค้าเก่า ที่ป่วยและตายวันละ 140 คนจากการสูบบุหรี่ ลูกค้าใหม่ที่เขาเล็งไว้ก็คือเด็กและเยาวชนรุ่นผม หรือรุ่นน้องผม ซึ่งขณะนี้มีเด็กและเยาวชนไทยอายุ 15-24 ปี ติดบุหรี่แล้วถึง 2,200,000 คน เมื่อรวมกับลูกค้าผู้ใหญ่อีก เกือบสิบล้านคน บริษัทบุหรี่ก็น่าจะมีลูกค้ามากพอและสามารถทำกำไรได้มหาศาลไปอีกหลายสิบปี เพราะอย่างที่เรารู้กันอยู่แล้วว่าบุหรี่เมื่อติดแล้วเลิกยาก ดังนั้นพวกเราจึงตั้งคำถามถึงความรับผิดชอบและจริยธรรมของบริษัทเหล่านี้ และเรียกร้องให้เขาถอนฟ้องกระทรวงสาธารณสุข” นายชัชวาล กล่าว
นายปฐมพงศ์ ประจวบลาภ จากเครือข่ายยุวทัศน์ กล่าวว่า ซองบุหรี่จะต้องบอกความจริงแก่ผู้บริโภค ตนเชื่อว่าคำเตือนขนาด 85% จะมีผลมากยิ่งขึ้นในการเตือนเด็กและเยาวชนไทย ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญของบริษัทบุหรี่ ไม่ให้เข้าไปสู่การตกเป็นทาสของบุหรี่ในอนาคต
ที่มา : ศูนย์ข่าวมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่