เครือข่ายพลังชุมชนกทม. เดินหน้า ลด-ละ-เลิก เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

ยื่น 4 ข้อเสนอผู้สมัครผู้ว่าหวัง! พื้นที่ราชการปลอดเหล้า 100%

 เครือข่ายพลังชุมชนกทม. เดินหน้า ลด-ละ-เลิก เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

          เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม  ที่ลานวิคตอรี่พอยต์  อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ  เครือข่ายพลังชุมชน  กทม.  ลด  ละ  เลิก  เครื่องดื่มแอลกอฮอล์  7  ชุมชน

 

          ได้แก่  ชุมชนวัดเศวตฉัตร  ชุมชนหลังไปรษณีย์สำเหร่  ชุมชนซอยพระเจน ชุมชนสวนอ้อย ชุมชนมัสยิดมหานาค ชุมชนมาตานุสรณ์  และเครือข่ายสหกรณ์สามล้อเอื้ออาทรเพื่อคนจน จำกัด  ร่วมกับมูลนิธิเพื่อนหญิง  ดำเนินโครงการสร้างเสริมเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

 

          ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ผลจากการดำเนินงานของแกนนำชุมชน  พบว่าสถานการณ์การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตชาวชุมชนอย่างรุนแรง และฝังรากลึกอย่างน่าเป็นห่วง จนพูดได้ว่าผลกระทบเกิดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ ความรุนแรงต่อเด็กและสตรี  ปัญหาครอบครัว ปัญหาสุขภาพ ปัญหาการทะเลาะวิวาท ปัญหาเยาวชนกลุ่มเสี่ยง และแม้กระทั่งเหตุการณ์ไฟไหม้บ้าน จากการดื่มเหล้าจนขาดสติของคนในชุมชน นำมาซึ่งความประมาทจนเกือบจะทำให้ชุมชนทั้งชุมชนวอดวาย ไม่มีที่ซุกหัวนอน เหล่านี้คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นแล้วใน 7  ชุมชน  และกลายเป็นภาพที่คุ้นชิน  หมิ่นเหม่ต่อความล่มสลายของชุมชน

 

          จนกระทั่งโครงการดังกล่าวได้เข้ามาดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังทั้ง 7  พื้นที่  สถานการณ์ปัญหาก็เริ่มเปลี่ยนไป นายจะเด็จ เชาว์วิไล  ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อนหญิง  กล่าวว่า  ผู้คนเริ่มตระหนักถึงปัญหาและรู้ถึงการจัดการชุมชนและวิถีชีวิตใหม่ สามารถเอาชนะอุปสรรคและความท้าทายที่ฝังรากลึกมานาน ด้วยกระบวนการกลุ่มแบบมีส่วนร่วม  โดยเริ่มจากร่วมกันค้นหาปมปัญหาที่แท้จริง  ร่วมคิดวิเคราะห์  แยกแยะ  และสร้างความตระหนักร่วม  กระบวนการเสริมพลังซึ่งกันและกัน  ตลอดจนการศึกษาดูงาน  ที่สำคัญคือการผลักดันให้เกิดคนต้นแบบ พื้นที่ต้นแบบ และสร้างเครือข่ายคนเลิกเหล้า  เป็นแกนนำในการทำงานอย่างเป็นระบบ

 

          “สำหรับกิจกรรมในวันนี้  ก็เป็นอีกเครื่องมือหนึ่งในการขับเคลื่อนขบวนของชุมชน ซึ่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครพ่อเมืองของชาวชุมชน จะมีส่วนสำคัญยิ่งในการหนุนเสริมและทำให้ความหวังของชาวชุมชน ที่อยากเห็นกรุงเทพฯ  เป็นเมืองที่ปลอดภัยจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีการควบคุมตามกฎหมาย โดยเฉพาะพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นจริงขึ้นมาได้ และย่อมส่งผลให้ปัญหาความรุนแรงต่อเด็กและสตรีในชุมชนลดลงตามไปด้วย”  นายจะเด็จกล่าว

 

          นางประนอม เภตา  ผู้ประสานงานเครือข่ายพลังชุมชน  กทม.  ลด  ละ  เลิก  เครื่องดื่มแอลกอฮอล์  กล่าวว่า เครือข่ายพลังชุมชน กทม.  ลด  ละ  เลิก  เครื่องดื่มแอลกอฮอล์  ขอยื่นข้อเสนอของผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยหวังให้กรุงเทพฯ  เป็นเมืองควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ดังนี้  1.ขอให้  กทม.เร่งรัดบังคับใช้กฎหมาย พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551  ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และเปิดโอกาสให้ภาคประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมในคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กรุงเทพมหานครอย่างเป็นรูปธรรม

 

          2.ขอให้  กทม.มีแผนแม่บทในการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์  รวมถึงการจัดโซนนิ่งสถานบันเทิง  แหล่งอบายมุขทุกรูปแบบ ให้ห่างไกลจากสถาบันการศึกษา

 

          3.ขอให้ กทม.เร่งสร้างข้าราชการต้นแบบ  ลด  ละ  เลิก  การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์  และมีแผนรณรงค์ในการลด  ละ  เลิก  ต่อชุมชนและทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง

 

          4.ขอให้สถานที่ราชการ  กทม.ปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์  โดยกำหนดให้สถานที่ในความรับผิดชอบโดยตรงของ กทม. อาทิ  สวนสาธารณะ  โรงเรียนในสังกัด  กทม.  สถานบริการสาธารณะสุข  ในสังกัด  กทม.  ฯลฯ  ให้เป็นพื้นที่ปลอดแอลกอฮอล์  100%

 

          “วันนั้นคนในชุมชนของเราเกือบไม่มีที่ซุกหัวนอน ตกใจกันทั้งชุมชน เพราะเกิดเหตุไฟไหม้แคมป์คนงานก่อสร้างใกล้กับชุมชน ห้องพักคนงานวอดไปกว่า 90  ห้อง  เดชะบุญที่ไฟไม่ได้ลามมาถึงชุมชน  เมื่อสอบถามที่มาที่ไปก็พบว่า ลูกชายของคนงานในแคมป์ก่อสร้างแอบขโมยเงินของแม่ไปซื้อเหล้า เมากลับมาโดนต่อว่าจากผู้เป็นแม่  จึงประชดด้วยการเผาบ้าน  กลายเป็นโศกนาฏกรรมที่พวกเราจดจำมาถึงทุกวันนี้  ขบวนรณรงค์ของเครือข่ายเราในวันนี้ ตั้งใจสะท้อนผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในหลายมิติ  แต่ชุมชนสวนอ้อยได้นำเรื่องราวไฟไหม้บ้าน  ต้นเหตุจากน้ำผลาญสติมานำเสนอ  ซึ่งเชื่อว่าคนเมาเขาจะทำสิ่งที่เลวร้ายได้มากกว่าเผาบ้านตัวเอง”  นางประนอมกล่าว

 

 

 

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

 

 

update : 03-10-51

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code