เครือข่ายชุมชนสวนอ้อย นำร่อง “ครอบครัวเลิกเหล้า”
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า “คลองเตย” เป็นเขตชุมชนที่มีปัญหาเรื่องยาเสพติดรวมทั้งปัญหาครอบครัวเป็นอันดับต้น ๆ ของ กทม.ที่ผ่านมา เครือข่ายชุมชนสวนอ้อย จึงได้ร่วมกันแก้ปัญหาโดยการเข้าโครงการ กทม. ลดละเลิกเหล้า ลดความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็ก โดยการแก้ไข ป้องกัน และเฝ้าระวังปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นในระดับชุมชนซึ่งดำเนินงานมากว่า 3 ปีแล้ว โดยเล็งเห็นว่า เหล้าและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิดเป็นต้นเหตุสำคัญของการเกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมามากมาย
ล่าสุดทางเครือข่ายชุมชนสวนอ้อยได้ให้ความสำคัญกับเด็กและเยาวชนในชุมชน ที่มีความเสี่ยงต่อการหลงเดินทางผิด จึงได้จัดกิจกรรมให้เยาวชนเล่นดนตรีหลีกหนียาเสพติด โดยใช้ชื่อโครงการว่า “กิจกรรมครอบครัวเลิกเหล้า เยาวชนดนตรี ทำดีมีเงินออม” โดยเด็กเยาวชนที่มาเล่นดนตรีส่วนใหญ่มาจากครอบครัวคนละเลิกเหล้า
ประนอม เภตรา ผู้ประสานงานเครือข่ายชุมชนสวนอ้อย กล่าวว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่สานต่อมาจากโครงการของนักศึกษามหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒเมื่อปีที่แล้ว ที่เลือกชุมชนสวนอ้อยเป็นชุมชนนำร่องในการทำกิจกรรมกับเยาวชน โดยการฝึกสอนให้ร้องเพลง เพื่อให้เด็กรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ซึ่งทางเครือข่ายฯ เห็นว่ากิจกรรมดังกล่าวสามารถช่วยแก้ปัญหาเด็กแว้น ติดเกม และยาเสพติด ในช่วงปิดเทอมได้ จึงชักชวนเด็กเยาวชนที่เป็นกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กที่มีปัญหาครอบครัวเพราะพ่อแม่แยกทางกัน หรือพ่อแม่ผู้ปกครองไม่มีเวลาให้เพราะต้องทำงาน มาร้อง เต้น เล่นดนตรี ตามความถนัดของแต่ละคน จนปัจจุบันมีเด็กเข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 24 คนแล้ว และในที่สุดก็สามารถจัดตั้งวงดนตรีขนาดเล็กได้หนึ่งวง
“นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวยังมีการปลูกฝังให้เด็กรู้จักการออม ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย โดยการสอนให้รู้จักเก็บเงินค่าขนมมาหยอดกระปุก เพื่อเก็บไว้เป็นทุนการศึกษา และใช้จ่ายเมื่อจำเป็น ซึ่งเงินที่ได้จากการออมเหล่านั้น เด็กจะเป็นผู้บริหารจัดการกันเองตามกฎกติกาที่วางไว้ให้ ภายใต้การดูแลของผู้ใหญ่ เพื่อให้พวกเขาเกิดความภาคภูมิใจกับเงินออมของตนเอง ซึ่งหากครอบครัวหรือเด็กที่เข้าร่วมโครงการคนใดไม่มีเงินเรียนหนังสือก็สามารถกู้ยืมได้ โดยคิดดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 1 เท่านั้น เป็นการช่วยลดปัญหาการกู้เงินนอกระบบที่มีดอกเบี้ยรายวันได้อีกทางหนึ่ง ถึงแม้จำนวนเงินที่มีให้กู้จะไม่มากนักแต่อย่างน้อยก็ยังช่วยเยียวยากันได้บ้าง”
ด้าน ชาญยุทธ ขันธะชะวะนะ ผู้ปกครองของเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการฯ และเป็นครอบครัวต้นแบบที่สามารถเลิกเหล้าได้สำเร็จ กล่าวว่า เมื่อก่อนเคยดื่มเหล้าทุกวันเป็นเวลากว่า 20 ปี โดยเสียเงินค่าเหล้าวันละ 100 กว่าบาท ที่ผ่านมาภรรยากับลูกเคยขอร้องให้เลิกหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ แต่พอลูกเข้ามาร่วมกับโครงการนี้ จึงเกิดความละอายที่จะดื่มเหล้าต่อไป ดังนั้นจึงได้ตัดสินใจเลิกทั้งเหล้าและบุหรี่อย่างเด็ดขาดตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ปัจจุบันนอกจากจะมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงขึ้นแล้ว มีเวลาให้ครอบครัวและมีความสุขมากขึ้น ตลอดจนมีเงินเก็บมากพอที่จะดาวน์รถแท็กซี่เป็นของตนเองได้อีกด้วย
“เมื่อมองย้อนกลับไปมองดูตัวเองในอดีต ทำให้รู้สึกเสียดายเวลาและเงินทอง เวลาที่สูญเสียไปกับการดื่มเหล้าเป็นอย่างมาก ยังดีที่ไม่ไปเกิดอุบัติเหตุเพราะการขาดสติจากน้ำเมา และหากนำเงินทั้งหมดนั้นมารวมกัน วันนี้ผมคงมีบ้าน มีรถ มีเงินเลี้ยงครอบครัวได้อย่างสบาย ดังนั้น จึงอยากให้พ่อแม่ทุกคนที่ยังคงดื่มเหล้าอยู่ ลดละเลิกเสีย เพราะนอกจากจะบั่นทอนสุขภาพกายของตัวเองแล้ว ยังบั่นทอนจิตใจของคนในครอบครัวด้วย และที่สำคัญจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียดายภายหลัง”
ขณะที่ ด.ช.ชาญชัย ขันธะชะวะนะ เยาวชนที่เข้าร่วมโครงการฯ กล่าวว่า โดยส่วนตัวชอบเล่นดนตรีอยู่แล้ว และเมื่อได้มีโอกาสมาเข้าร่วมโครงการฯ ทำให้มีพื้นที่ในการแสดงออกทางดนตรีมากขึ้น ตลอดจนรู้จักการเก็บออมโดยตลอดระยะเวลาที่เข้าร่วมโครงการสามารถเก็บเงินได้ประมาณ 1,300 บาทแล้ว โดยจะเก็บต่อไปเรื่อย ๆ เพื่อนำไปเป็นทุนการศึกษา และที่สำคัญรู้สึกดีใจและภูมิใจมากที่วันนี้ผมสามารถทำให้พ่อสามารถเลิกเหล้าได้สำเร็จ นับว่าเป็นโครงการดี ๆ อีกโครงการหนึ่ง ที่ควรได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มากกว่านี้ เพราะนอกจากจะทำให้เด็กเยาวชนใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ในทางสร้างสรรค์แล้ว ยังเป็นการส่งเสริมให้ครอบครัวอบอุ่น ปลอดภัยจากสิ่งเสพติด โดยเฉพาะเหล้า-บุหรี่ ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเป็นการสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับเยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของชาติต่อไป
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์