เกาหลีใต้ ยกนิ้วไทยเจ๋ง คุม “บุหรี่” อยู่ ลุย MOU สสส. ถ่ายทอดยุทธศาสตร์
เกาหลีใต้ ยกนิ้ว สสส. ไทยเจ๋ง คุมบุหรี่อยู่ เดินหน้า MOU สสส. ไทย หวังถ่ายทอดยุทธศาสตร์ปราบบุหรี่-รณรงค์ลดนักสูบหน้าใหม่ สู่แดนโสม แลกกลยุทธ์จัดการสิ่งแวดล้อม เมืองน่าอยู่ เพิ่มความสุขให้วิถีชีวิตคนเมือง
ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพได้ลงนามความร่วมมือการดำเนินการด้านการสร้างเสริมสุขภาพ ร่วมกับ ดร.ยอง เฮอร์ ( Dr. Yong Hur) เลขาธิการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพแห่งเกาหลีใต้
ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ กล่าวว่า เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สสส. ได้ลงนามความร่วมมือการดำเนินการด้านการสร้างเสริมสุขภาพ ร่วมกับ ดร.ยอง เฮอร์ ( Dr. Yong Hur) เลขาธิการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพแห่งเกาหลีใต้ (Korea Health Promotion Foundation) ซึ่งทางเกาหลีใต้ มีแผนจะเริ่มการทำงานด้านควบคุมยาสูบอย่างจริงจัง โดยก่อนหน้านี้เกาหลีใต้ได้เคยเดินทางมาศึกษาดูงานด้านการวางยุทธศาสตร์ด้านการควบคุมยาสูบของ สสส. ไทย และมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่มาแล้ว ซึ่งไทยมีการดำเนินการด้านนี้อย่างเข้มแข็งมากว่า 30 ปี ทำให้ไทยมีศักยภาพเป็นผู้นำในกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งหลายประเทศให้การชื่นชม โดยเฉพาะเรื่องการออกกฎหมายปราบปรามผู้จำหน่ายบุหรี่เถื่อน การจำกัดอายุผู้ซื้อ รวมทั้งจุดเด่นของไทยด้านรณรงค์สร้างการรับรู้อันตรายจากการสูบบุหรี่ การได้รับควันบุหรี่มือสอง และการสร้างพื้นที่สาธารณะปลอดบุหรี่ 100 %
“ไทยมีสิ่งที่ต้องเตรียมตัวคือ คนในสังคมเมืองมีมากขึ้น การต่อสู้กับภัยสุขภาพไม่ใช่แค่เรื่องโรคต่างๆ เท่านั้น แต่หมายถึงสังคมต้องการสิ่งแวดล้อมที่เต็มไปด้วยพื้นที่สะอาด ซึ่งเกาหลีใต้มีศักยภาพด้านการสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมรอบเมืองได้น่าอยู่ จนขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งสุขภาพ หรือ Healthy City ไทยจึงต้องเรียนรู้ประสบการณ์การจัดการสิ่งแวดล้อมจากเกาหลีใต้ เพื่อให้มีพื้นที่สาธารณะที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน สะอาด น่าอยู่ และเร่งรณรงค์สร้างความมีวินัยของคนไทยมากขึ้น โดยในอนาคตจะขยายเวทีแลกเปลี่ยนบทบาท องค์ความรู้เรื่องการจัดการระบบสุขภาพและการส่งเสริมสุขภาพต่อไป” ทพ.กฤษดากล่าว
ด้าน ดร.ยอง กล่าวว่า เกาหลีใต้มีกฎหมายที่เข้มแข็ง แต่ยังจำเป็นต้องพัฒนาสื่อในการรณรงค์สร้างการรับรู้อันตรายของบุหรี่ให้ประชาชนทราบมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดนักสูบหน้าใหม่ ซึ่งสสส. ไทยมีประสบการณ์ในด้านรณรงค์สังคมลักษณะนี้ โดยนำประเด็นเรื่องการทำร้ายคนใกล้ชิดจากควันบุหรี่มือสอง ทำให้คนไทยเริ่มตระหนักในอันตรายของบุหรี่ ทั้งนี้ เชื่อว่าการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ จะช่วยพัฒนากฎหมาย แนวทางความร่วมมือการทำงานเชิงรุกด้านการควบคุมยาสูบของทั้งสองประเทศให้เข้มแข็งขึ้นได้
ที่มา : สำนักข่าว สสส.