เกษตรในเมืองกับวิถีการบริโภคที่ยั่งยืน

เกษตรในเมืองกับวิถีการบริโภคที่ยั่งยืน

ทราบหรือไม่ค่ะว่าการปลูกผักกินเอง หรือการทำเกษตรในเมืองนั้น ไม่เพียงช่วยทำให้เรามีอาหารที่ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพกินเท่านั้น ทว่าการทำเกษตรในเมืองที่เอื้อต่อระบบนิเวศนั้นยังมีประโยชน์ที่เชื่อมโยงกับมติอื่นๆ ซึ่งกำลังเป็นปัญหาระดับชาติและระดับโลกเลยทีเดียว

ดร.จำเนียร วรรัตน์ชัยพันธุ์ ดร.จำเนียร วรรัตน์ชัยพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโส สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย ได้อธิบายถึงความเชื่อมโยงเรื่องเกษตรในเมืองกับความหลากหลายทางชีวภาพ ความมั่นคงทางอาหารและการบริโภคที่ยั่งยืนไว้อย่างน่าสนใจ ว่าความมั่นคงทางอาหารที่ว่านี้มิได้หมายถึงว่าเรามีอาหารกินหรือไม่ แต่หมายถึงการมีอาหารที่มีคุณภาพ และเป็นอาหารที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และไม่ทำลายความหลากหลายทางชีวภาพด้วย เรียกว่าเป็นความมั่นคงทางอาหารที่นำไปสู่การบริโภคที่ยั่งยืน

ถามว่าการบริโภคที่ยั่งยืนควรมีลักษณะอย่างไร และเกี่ยวข้องกับเกษตรในเมืองอย่างไร ดร.จำเนียรก็ได้กล่าวไว้อย่างละเอียดว่า

1. เราต้องรู้ว่าแหล่งผลิตมาจากไหน วิถีการผลิตทำลายสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นทำลายดิน ทำลายน้ำ ทำลายอากาศ รวมถึงทำลายผู้คนหรือไม่

เกษตรในเมืองกับวิถีการบริโภคที่ยั่งยืน

2. ระยะทางในการขนส่งอาหารจากแหล่งที่มานั้นไกลเพียงใด หากเป็นอาหารนำเข้าจากเมืองนอก ซึ่งหลายคนคิดว่าหรูดีมีคุณภาพ แต่ยิ่งระยะทางในการขนส่งไกลแค่ไหน ก็ยิ่งทำให้ใช้พลังงานในการขนส่งสูง มีส่วนทำลายสิ่งแวดล้อม ก่อให้เกิดโลกร้อนได้มากเท่านั้น ดังนั้นใครที่ปลูกผักไว้ที่บ้าน สามารถช่วยลดระยะทางการขนส่งอาหารได้มาก เพียงเดินมาเก็บไปทำกับข้าวก็ได้แล้ว ก็ถือว่ามีส่วนช่วยลดการใช้พลังงานได้ไม่น้อยทีเดียว

เกษตรในเมืองกับวิถีการบริโภคที่ยั่งยืน เกษตรในเมืองกับวิถีการบริโภคที่ยั่งยืน

3. การเก็บรักษาผลผลิต อย่างในปัจจุบันที่คนส่วนใหญ่มักไปจ่ายตลาดในห้าง และห้างก็ใช้อุณหภูมิต่ำในการเก็บรักษา อีกทั้งยังใช้บรรจุภัณฑ์ต่างๆในการห่อหุ้ม ตั้งแต่พลาสติก ฟรอยด์ โฟม กระดาษ ซึ่งล้วนผลิตมากจากน้ำมันดิบ ปิโตรเคมีทั้งสิ้น ดังนั้นเกษตรในเมืองจึงมีส่วนช่วยให้ไม่ต้องมีการเก็บรักษามาก เพราะสามารถไปเก็บได้จากข้างบ้าน เด็ดกันสดๆ เท่าที่จำเป็น ไม่ต้องขับรถไปซื้อ และก็ไม่ต้องใส่ถุงพลาสติก

4. การทำเกษตรในเมืองยังมีส่วนช่วยทำให้เราได้รับประทานอาหารสดๆ ซึ่งมีคุณค่ามากกว่าอาหารที่แช่เย็นมา อีกทั้งยังได้รสชาติที่อร่อยกว่า และก็ปลอดภัยจากสารเคมีซึ่งมีคนร้านค้าจำนวนไม่น้อยใส่ลงไปเพื่อรักษาความสดไว้

เกษตรในเมืองกับวิถีการบริโภคที่ยั่งยืน เกษตรในเมืองกับวิถีการบริโภคที่ยั่งยืน

5. ส่วนที่เหลือจากการกิน ยังสามารถนำไปใช้ทำปุ๋ย หรือทำไบโอแก๊สได้อีกด้วย โดยบางบ้านอาจจะเลี้ยงไส้เดือนหรือเลี้ยงสัตว์อย่างหมูเพื่อให้ช่วยกำจัดขยะ และนำมาใช้ทำเป็นปุ๋ยบำรุงต่อไปได้

ดร.จำเนียร ยังเน้นย้ำว่า เพื่อที่เมืองจะอยู่รอด การพัฒนาเมืองไม่น่าจะเป็นการพัฒนาให้เป็นสังคมที่บริโภคเท่านั้น แต่ต้องเป็นสังคมที่ผลิตด้วย และไม่เป็นเพียงสังคมที่ผลิตเพื่อการค้าเท่านั้น แต่ควรผลิตเรื่องอาหารเองด้วยแม้จะไม่ 100% ก็ตาม เพื่อประโยชน์ด้านต่างๆที่กล่าวมา รวมถึงประโยชน์เรื่องการใช้ที่ดินและทรัพยากรอย่างคุ้มค่าด้วย

ที่มา: วารสารเกษตรธรรมชาติ ฉบับที่ 11/2553

 

Shares:
QR Code :
QR Code