เกษตรอินทรีย์ไม่จำเป็นต้องแพง
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ
แม้วันนี้กระแสสุขภาพจะทำให้คนบริโภคนิยมและหันมามองหาสินค้าปลอดภัยไร้สารมากขึ้น แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ยังมีอีกหนึ่งคำถามคาใจ เป็นความสงสัย ของใครหลายคนว่า "ทำไมสินค้า เกษตรอินทรีย์ต้องแพงกว่า?"
ถือเป็นเรื่องจริงที่วิถีเกษตรอินทรีย์ "ไม่ต้องเปลืองยา เปลืองสารเคมี" ฟังดูอาจเหมือนใช้ต้นทุนน้อยกว่า หากหลายคนคงหลงลืมไปว่า ถ้ามองลึกๆ ถึงกระบวนการผลิตในเชิง "ประณีต" แล้ว ผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์นี้ย่อมมีต้นทุนค่าการจัดการด้านการผลิตแบบใช้ "ความใส่ใจ" ไม่น้อยเช่นกัน
แต่คงจะดียิ่งกว่าไหม หากวันนี้ ถ้า "คนกิน" กับ "คนผลิต" มีโอกาสเชื่อมโยงกันเองได้ เพราะนั่นย่อมหมายถึง "ทางออก" ในการซื้อและจำหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่มีความเป็นธรรมด้านราคาระหว่างกันสองฝ่าย
จากแนวคิดดังกล่าว เราอาจกำลังเริ่มเห็นการจุดประกายต่อยอดเส้นทางสร้างความมั่นคงทางอาหารยั่งยืน ภายใต้แผนอาหารเพื่อสุขภาวะของกลุ่มแผนงานความมั่นคงทางอาหารและความปลอดภัยในระบบอาหาร ซึ่ง ขับเคลื่อนโดยคณะกรรมการกำกับทิศทางแผนอาหารเพื่อสุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการ สร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้นำไอเดีย ดังกล่าวมานำร่องการพัฒนาระบบ ความสัมพันธ์ของผู้ผลิตกับผู้บริโภคขึ้น โดยในครั้งแรกนี้ ได้ชักชวนเครือข่าย กลุ่มเกษตรอินทรีย์ "สนามชัยเขต" จ.ฉะเชิงเทรา มาเป็นต้นแบบ ในฐานะของกลุ่มเกษตรอินทรีย์ครบวงจรที่สุดแห่งหนึ่งในภาคตะวันออก
นพ.ปัญญา ไข่มุก กรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิ สสส. ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารแผนคณะที่ 5 และคณะกรรมการกำกับทิศทางแผนอาหารเพื่อสุขภาวะ สสส. กล่าวว่า เป้าหมายการดำเนินงานโครงการดังกล่าวคือการสร้าง "เส้นทางอาหารปลอดภัยตลอดห่วงโซ่" โดย สสส.ให้การสนับสนุนเกษตรอินทรีย์ ที่ส่งเสริมการเชื่อมโยงของระบบอาหาร จากการผลิตถึงการกระจายสู่ผู้บริโภค โดยเน้นที่ความมั่นคงของครอบครัว และชุมชนฐานเกษตร ความหลากหลายทางพันธุกรรม การพัฒนาระบบความสัมพันธ์ของผู้ผลิตกับผู้บริโภค การพัฒนาระบบรับรองมาตรฐานความปลอดภัยของผักผลไม้ตลาดสีเขียว ไปจนถึงกิจการ เพื่อสังคมที่ส่งเสริมระบบนิเวศน์อาหารยั่งยืน ฯลฯ
สำหรับกลุ่มเกษตรอินทรีย์สนามชัยเขต เป็นเครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือกที่มีความเข้มแข็งและมีความมั่นคงทางอาหาร ในระบบเกษตรอินทรีย์ไม่ไกลเมืองกรุงมากนัก ด้วยจุดเด่นด้านการส่งเสริมการผลิต และระบบการบริหารจัดการผลผลิต ผัก ข้าว อินทรีย์ ครบวงจรตลอดทั้งห่วงโซ่อาหาร ตั้งแต่การผลิต การบริการจัดการผลผลิต และการจัดการด้านการตลาด จึงทำให้ สสส. มองเห็นศักยภาพความเป็นต้นแบบของพื้นที่ในโซนภาคตะวันออก
ด้าน พลูเพ็ชร สีเหลืองอ่อน ผู้ประสานงานและกรรมการรับรองฟาร์มฝ่ายส่งเสริมของกลุ่มเกษตรอินทรีย์ อ.สนามชัยเขต เล่าถึงกลุ่มเกษตรอินทรีย์สนามชัยเขตว่า ที่ผ่านมากลุ่มมีการดำเนินงานภายใต้เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือกจังหวัดฉะเชิงเทรา และมีการจัดกระบวนการเรียนรู้ให้กับผู้ผลิตผ่านระบบสมาชิกมีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมให้สมาชิกกลุ่มปรับระบบการผลิตทางการเกษตรเข้าสู่ระบบการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์อย่างยั่งยืน โดยทางกลุ่มให้ความสำคัญกับการจัดตั้งระบบควบคุมการผลิตภายในกลุ่มและการขอรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์สากล
ผลจากการเดินหน้าต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบันเครือข่ายมีสมาชิกครอบคลุม จังหวัดฉะเชิงเทราและปราจีนบุรีรวมกว่า 418 ราย แต่ภายในปีนี้ พลูเพ็ชรเอ่ยว่ากลุ่มมีเป้าหมายจะเพิ่มสมาชิกเป็น 500 ราย โดยยังขยายสมาชิกไปยังพื้นที่ใกล้เคียงในเขตภาคตะวันออก ไม่ว่า จะเป็น นครนายก และสระแก้ว และเพิ่มเครือข่ายไปยังประมงขนาดเล็ก เพื่อผลิตอาหารทะเลปลอดภัยในอนาคต อีกด้วย
"เครือข่ายฯ ของเราไม่ได้มุ่งเน้นการผลิตหรือขายอย่างเดียวเท่านั้น เพราะผู้ผลิตกับผู้บริโภคถือเป็นคนคนเดียวกัน ที่ควรเข้าถึงอาหารปลอดภัยที่เพียงพออย่างเกื้อกูลกัน จึงมีการกำหนดราคาผัก ผลไม้ ข้าวในราคาที่เป็นธรรม โดยราคาจะไม่ได้ขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาด แต่คำนวณตามต้นทุนการผลิตที่เป็นจริง ซึ่งไม่ได้แพงกว่าราคาผลผลิตเกษตรที่ใช้สารเคมี แต่เรามีกลยุทธ์การตลาดที่สร้างความสัมพันธ์กับผู้บริโภคเหมือนเป็นพี่น้อง" พลูเพ็ชรกล่าว
"ราคาจะไม่ได้ขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาด แต่คำนวณตามต้นทุน การผลิตที่เป็นจริง