เกษตรคุมเข้มหวัดนกหวั่นระบาดซ้ำ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สั่งกำชับให้กรมปศุสัตว์เข้มงวดป้องกันและเฝ้าระวังโรค เดือน เม.ย.นี้ กรมปศุสัตว์จะฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อโรคในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ปีกกว่า 1.3 ล้านแห่งทั่วประเทศ
นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงกรณีสาธารณรัฐประชาชนจีนพบผู้ป่วยจากการติดเชื้อไข้หวัดนก h7n9 3 ราย โดยมี 2 รายเสียชีวิตว่า สาเหตุของการเกิดโรคยังอยู่ระหว่างการตรวจพิสูจน์ทางระบาดวิทยา และเชื้อ h7n9 ที่พบในจีน แม้ยังไม่เคยมีรายงานการติดเชื้อในมนุษย์ และไม่เคยพบเชื้อในไทย ทั้งในคนและในสัตว์ แต่กระทรวงเกษตรฯ ได้กำชับให้กรมปศุสัตว์เข้มงวดป้องกันและเฝ้าระวังโรค รวมถึงติดตามสถานการณ์การพบโรคในประเทศต่างๆ อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน “กรมปศุสัตว์ได้เพิ่มความเข้มงวดการเคลื่อนย้ายสัตว์ปีกบริเวณชายแดน เพราะเสี่ยงที่อาจพบเชื้อปะปนมาจากการค้าขายบริเวณชายแดน และในเดือน เม.ย.นี้ กรมปศุสัตว์จะฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อโรคในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ปีกกว่า 1.3 ล้านแห่งทั่วประเทศ”
ด้านนายทฤษดี ชาวสวนเจริญ อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า เมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา มีรายงานการระบาดโรคนี้ในอินเดีย กัมพูชา และเม็กซิโก จากก่อนหน้านี้พบในบังกลาเทศ เม็กซิโก เนปาล อียิปต์ ภูฏาน อินโดนีเซีย และจีน ซึ่งขณะนี้กรมฯร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ตรวจสอบและเก็บตัวอย่างอุจจาระและซากนกอพยพ และนกธรรมชาติในแหล่งที่นกอาศัยอยู่ทั่วประเทศ หากมีนกตายผิดปกติ หรือพบเชื้อโรคไข้หวัดนก จะเข้าควบคุมโรคในพื้นที่ทันที
“กรมฯ เฝ้าระวัง และป้องกันโรคไข้หวัดนกอย่างต่อเนื่อง และเข้มงวดอยู่แล้ว เช่น รณรงค์ค้นหาโรคไข้หวัดนกแบบบูรณาการปีละ 2 ครั้ง ทำความสะอาดและพ่นยาฆ่าเชื้อโรคในพื้นที่เสี่ยงปีละ 4 ครั้ง ควบคุมเคลื่อนย้ายสัตว์ปีก และซากสัตว์ปีกระหว่างจังหวัด และระหว่างโซน 5 โซน จนไทยปลอดจากเชื้อไข้หวัดนก และส่งออกเนื้อไก่สด และผลิตภัณฑ์ในปี 55 ได้ 552,117 ตัน มูลค่า 70,852 ล้านบาท คาดจะส่งออกเนื้อไก่สดเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะหลายประเทศที่เคยห้ามนำเข้าจากไทย เช่น เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น เดินทางมาตรวจประเมินระบบการควบคุมสัตว์ปีกของไทย เพื่อจะได้อนุญาตให้นำเข้าเนื้อสัตว์ปีกสดได้อีกครั้ง”
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ