`อ้วน ลงพุง`โรคยอดฮิตของยุคใหม่
นานแค่ไหนแล้วที่คุณไม่ได้สำรวจตัวเอง นานแค่ไหนที่คุณรู้สึกว่ามีร่างกายแข็งแรงสุขภาพดีเหมือนเด็กๆ ที่สามารถวิ่งเล่นได้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แล้วนานแค่ไหนที่คุณออกกำลังกายครั้งสุดท้าย เพราะเรื่องสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ ระยะเวลาเพียงสั้นๆ สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้หลายอย่าง ทั้งรอบเอวที่ขยายใหญ่ ไขมันเป็นชั้นหนา ท้องแขนและน่องขาที่ใหญ่ขึ้น รวมถึงอาการปวดหลัง นิ้วล็อก เส้นยึด อาการที่สังเกตได้ง่ายและสามารถเกิดได้กับคนทุกเพศ ทุกวัย และทุกอาชีพ ล้วนเป็นเรื่องของสุขภาพทั้งสิ้น
ซึ่งปัญหาเหล่านี้กลายเป็นโรคฮิตติดชาร์ตของคนยุคใหม่โดยเฉพาะคนในเมือง ที่มีแนวโน้มสูงขึ้น แต่จะเป็นวิกฤตแค่ใหน มนต์ชัย โชติดาว วิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา มหาวิทยาลัยมหิดล ตัวแทนเครือข่ายคนไทยไร้พุงราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย เป็นผู้ยืนยันได้ดีที่สุด
มนต์ชัยระบุปัญหาโรคอ้วนอย่างน่าคิดว่า ปัจจุบันปัญหาเรื่องน้ำหนักเกินเกิดขึ้นเยอะมาก รวมแล้วในประเทศไทยมีคนอ้วน 16 ล้านคน เป็นชาย 4.7 ล้านคน เป็นหญิง 11.3 ล้านคน และเป็นคนที่อยู่ในเมืองมากกว่าคนที่อยู่ต่างจังหวัด ในจำนวนนี้เป็นเด็กอ้วน 500,000-700,000 คน ซึ่งมีแนวโน้มจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และอีก 10 ปีข้างหน้า มองว่าคนอ้วนทั้งเด็กและผู้ใหญ่จะเพิ่มสูงมากกว่านี้
“ต่อไปคนก็จะเริ่มมีพฤติกรรมที่พักผ่อนน้อยลง ออกกำลังกายน้อยลง ปัญหาที่สำคัญคือเรื่องของเวลา ต่อไปคนจะใช้เวลาอยู่บนท้องถนนมากขึ้น ภาวะเหล่านี้เป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องต่อเนื่องเชื่อมโยงกัน พอเจอปัญหาเรื่องรถติดมากๆ จะมีผลต่อเรื่องอาหาร ทำให้พฤติกรรมการรับประทานอาหารไม่ตรงเวลา ทานอาหารดึก สิ่งที่ตามมาคือโรคอ้วน เพราะปกติวงจรของการรับประทานอาหารปกติจะอยู่ในเวลาไม่เกิน 19.00 น.เท่านั้น” มนต์ชัยอธิบายด้านวิธีการแก้ปัญหา
โรคอ้วนสำหรับคนที่มีเวลาน้อย ให้เริ่มต้นจากการรับประทานอาหาร โดยมื้อเช้าและกลางวัน ทานอาหารตามปกติ ส่วนในมื้อเย็นลดสัดส่วนคาร์โบไฮเดรตลง ส่วนโปรตีน เกลือแร่ หรือเนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ ทานได้ปกติ ลดแค่แป้ง และออกกำลังกายง่ายๆ เพิ่มขึ้น อาจจะใช้เวลา 10-15 นาทีต่อครั้ง
“อาจจะออกกำลังกายง่าย เช่น การเดินเร็ว การก้าวขึ้นก้าวลงบนกล่อง บนบันไดระยะสั้นๆ ควรปฏิบัติอย่างน้อย 2-3 วันต่อสัปดาห์ ตรงนี้จะช่วยทำให้น้ำหนักคงที่ไม่เพิ่มขึ้นและมีแนวโน้มจะลดลงได้ แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลยภาวะน้ำหนักก็จะเพิ่มเรื่อย หากสงสัยว่าตัวเองอ้วนหรือไม่หรือไม่รู้ว่าตัวเองมีสุขภาพดีหรือไม่ สามารถติดต่อเครือข่ายคนไทยไร้พุง ทาง https://www.facebook.com/raipoongfanpage เพื่อรับการทดสอบได้” มนต์ชัยให้คำแนะนำ
อีกหนึ่งนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านอาหาร อาจารย์สง่า ดามาพงษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ ได้กล่าวถึงต้นตอของปัญหาสุขภาพได้อย่างตรงจุดว่า ปัจจุบันคนกินอาหารไม่ถูกหลักโภชนาการ กินไม่ครบ 5 หมู่ เน้นรสชาติหวานมันเค็ม กินผักผลไม้น้อย เน้นเบเกอรี่ และอาหารประเภทฟาสต์ฟู้ดมากขึ้น ประกอบกับไม่มีเวลาออกกำลังกาย ยุ่งกับการทำงาน จึงส่งผลให้คนไทยส่วนใหญ่เผชิญหน้ากับปัญหาการอ้วนจากการกิน อันนำมาซึ่งโรค เช่น โรคเบาหวาน โรคความดัน โรคหัวใจ โรคหลอดเลือด ในกลุ่มเด็กที่ขาดสารอาหารร่างกายไม่สมบูรณ์ คือจะผอมหรืออ้วน ตัวจะเตี้ย เซลล์สมองบาง ทำให้เรียนหนังสือไม่เก่ง
การแก้ไขปัญหา อ.สง่าให้ข้อเสนอแนะว่า ควรแก้ปัญหาที่ต้นตอของโรคอ้วน คือต้องแนะนำให้ทุกคนมีความรู้ในด้านโภชนาการ และหาวิธีการให้คนไทยหันมากินอาหารไทยให้มากขึ้น จะทำอย่างไรให้ขนมกรุบกรอบที่วางขายอยู่ทุกวันนี้ เป็นขนมกรุบกรอบที่เป็นมิตรกับสุขภาพ สร้างภูมิคุ้มกันให้มีความฉลาดในการกินให้เป็น ซึ่งจะต้องแก้ปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาว
“ปัญหาการไม่กินอาหารเช้าโดยเฉพาะเด็กในวัยเรียน ซึ่งอาหารเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด ถ้าเด็กไม่ได้กินอาหารเช้าประสิทธิพลการเรียนของเด็กจะด้อย เด็กจะไม่มีสมาธิในการเรียน ซึ่งเป็นผลมาจากพ่อแม่ผู้ปกครองที่ไม่ค่อยมีเวลาจะทำอาหารที่มีประโยชน์ให้ลูกกิน ปล่อยให้เด็กเลือกของกินเองเขาก็ไปกินขนมกรุบกรอบ น้ำอัดลม” ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ แนะนำ
ฟังคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่บอก ถึงปัญหาแล้ว คงถึงเวลาที่จะต้องหันมาดูแลสุขภาพเสียที
ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน โดย อรพรรณ จันทรวงศ์ไพศาล
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต