‘อ้วน’ ติดหวัดตายมากสุด!!

‘อ้วน’ ติดหวัดตายมากสุด!! 

          สถานการณ์การแพร่ระบาดของผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในไทย ตั้งแต่วันที่ 28 เมย. – 21 ก.ค.ที่ผ่านมา มียอดผู้ได้รับการขึ้นทะเบียนป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จำนวน 6,776 คน หายเป็นปกติแล้ว 6,697 คน กำลังรักษาตัวในโรงพยาบาล 35 คน ในจำนวนนี้อยู่ในภาวะวิกฤต 3 คน เสียชีวิตสะสม 44 คน

 

          สิ่งที่น่าสนใจคือในจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดพบว่า 29 คน หรือ 66% มีโรคประจำตัวมากที่สุด และโรคอ้วน !!!

 

          สำหรับโรคที่ช่วงแรกคาดกันว่าน่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ป่วย แล้วส่งผลให้อาการของโรครุนแรง กลับอยู่ในอันดับที่ 2 เช่น โรคเบาหวานร่วมกับความดันโลหิตสูง หรืออื่นๆ อย่างละ 6 คน รองลงมา ได้แก่ไตวาย โรคหัวใจ และมะเร็ง อย่างละ 3 คน ตั้งครรภ์ 2 คน

 

          ที่เหลือเป็นโรคต่อมไทรอยด์ทำงานน้อยกว่าปกติ ตับอักเสบเรื้อรังได้รับยากดภูมิคุ้มกัน ปอดอักเสบติดเชื้อซ้ำ ร่างกายพิการ และเด็กเล็กอย่างละ 1 คน

 

          สาเหตุที่โรคอ้วนทำให้อาการของโรครุนแรงได้ นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิระดับ 11 ของกรมการแพทย์อธิบายว่า โดยปกติการหายใจที่ผิดปกติของภาวะอ้วนลงพุงซึ่งจะหายใจค่อนข้างช้า และในผู้ป่วยภาวะอ้วนลงพุงจะมีภูมิคุ้มกันที่ต่ำกว่าคนปกติ ทำให้รับเชื้อได้ง่ายและมากกว่าคนที่มีภูมิคุ้มกันที่สูง

 

          เหตุเพราะปอดต้องทำงานหนักขึ้น หัวใจก็จะสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงส่วนต่างๆ มากขึ้น ขณะเดียวกันปอดก็ทำหน้าที่ฟอกโลหิตให้ร่างกายมีปริมาณออกซิเจนที่พอเหมาะ เมื่ออ้วนมากหัวใจและปอดก็ทำงานหนักมากขึ้น เมื่อมีการติดเชื้อย่อมมีอาการรุนแรงกว่าผู้มีน้ำหนักปกติ

 

          ส่วนใครจะเทียบว่าตัวเองอยู่ในภาวะอ้วนหรือไม่ ลองเทียบโดยดัชนีมวลกายเท่ากับน้ำหนัก (กิโลกรัม) หารส่วนสูง (เมตร) คูณด้วยส่วนสูง (เมตร) โดยดัชนีมวลกาย 23 – 24.9 ถือว่าน้ำหนักเกินจำเป็นต้องเร่งรีดน้ำหนักด่วน เพื่อป้องกันความรุนแรงจากเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ทำให้อาการหนัก

 

          ไม่เพียงแต่ผู้มีภาวะน้ำหนักเกินอย่างมากเท่านั้น ผู้ที่มีพฤติกรรมการสูบบุหรี่หรือสูบควันบุหรี่มือสองบ่อย ก็ทำให้ประสิทธิภาพของปอดในการเก็บออกซิเจนลดลงเช่นเดียวกันกับผู้ที่มีน้ำหนักเกินมากด้วย ทั้งนี้ เพราะคนทั่วไปปอดเก็บออกซิเจนได้ประมาณ 80% แต่หากเป็นรายที่สูบบุหรี่ปอดจะเก็บออกซิเจนได้เพียง 20% เท่านั้น

 

          ฉะนั้น การฝึกให้ประสิทธิภาพของปอดทำงานได้ดีขึ้น ทางหนึ่งที่นิยมคือ การออกกำลังกาย เพราะจะทำให้ได้ฝึกการหายใจรับออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่อย่างที่เคยบอกไป ก็ต้องหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่จะคึกมาออกตอนป่วยก็อาจทำให้อาการรุนแรงได้

 

 

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

 

 

Update 24-07-52

อัพเดทเนื้อหาโดย : กันทิมา ลีจันทึก

 

 

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code