อุ้มบุญ รู้ลึก รู้จริง ปฏิบัติตามกฎหมาย

ที่มา: กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ


อุ้มบุญ รู้ลึก รู้จริง ปฏิบัติตามกฎหมาย  thaihealth


ภาพประกอบจากเว็บไซต์กระทรวงสาธารณสุข


กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เดินหน้าพัฒนา มาตรฐาน บุคลากรในสถานพยาบาลรักษาการมีบุตรยากและอุ้มบุญทั่วประเทศ สร้างมืออาชีพในการให้บริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ รู้ลึก รู้จริง ปฏิบัติได้อย่างถูกต้องตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย


ณ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี แพทย์หญิงประนอม คำเที่ยง อธิบดีกรม สบส. กล่าวภายหลังเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “การดำเนินงานตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558 สู่การปฏิบัติ” ว่าพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558 เป็นกฎหมายที่ได้ตราขึ้นเพื่อช่วยให้คู่สมรสที่ถูกต้องตามกฎหมายได้มีบุตรตามต้องการ และควบคุมการศึกษาวิจัยมิให้มีการนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งนับตั้งแต่กฎหมายมีผลบังคับใช้ในวันที่ 30 กรกฎาคม 2558 คณะกรรมการคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ (กคทพ.) ได้พิจารณาเรื่องขออนุญาตให้ตั้งครรภ์แทนเสร็จสิ้นแล้ว 157 คู่ โดยอนุญาต 149 คู่ (ร้อยละ 95) ในจำนวนนี้มีรายงานการคลอดแล้ว 12 คู่ และไม่อนุญาต 8 คู่ (ร้อยละ 5) เนื่องจากคุณสมบัติของหญิงตั้งครรภ์ หรือผู้บริจาคไข่ ไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และขณะนี้มีสถานพยาบาลที่ให้บริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ฯ มากถึง 75 แห่งทั้งรัฐและเอกชนกระจายอยู่ในทุกภาคทั่วประเทศ


ดังนั้น กรม สบส.ในฐานะหน่วยงานหลักในการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กฯ ได้เล็งเห็นความสำคัญ และมีความตั้งใจในการส่งเสริม สนับสนุนให้บุคลากรในสถานพยาบาลที่ให้บริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ทั้งภาครัฐและเอกชน กว่า 200 คน ได้เกิดความรู้ ความเข้าใจในการปฏิบัติตามกฎหมาย จึงได้จัดการประชุมในวันนี้ขึ้น รวมทั้งได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิจากแพทยสภา ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย สถาบันการศึกษา และกระทรวงมหาดไทยมาร่วมให้ความรู้ และแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น ซึ่งจะช่วยพัฒนาความรู้ ความเข้าใจให้ผู้เข้าร่วมประชุมสามารถปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของบทบัญญัติของพระราชบัญญัติ อนุบัญญัติ และแนวทางปฏิบัติต่างๆที่กำหนดได้อย่างถูกต้อง


ด้าน นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวว่า ด้วยประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีแพทย์ที่มากด้วยความสามารถและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้มีอัตราความสำเร็จจากการให้บริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ค่อนข้างสูง ส่งผลให้ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศต่างให้การยอมรับและเข้ารับบริการเป็นจำนวนมาก จึงเกรงว่าจะมีการการเผยแพร่ข้อมูลที่มีการนำเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ฯไปใช้ประโยชน์ในทางที่ผิด ยิ่งในยุคดิจิตอลที่สื่อโซเชียลเข้าถึงประชาชนได้อย่างรวดเร็ว ในปีงบประมาณ 2561 กรม สบส.จึงมีนโยบายในการเพิ่มมาตรการคุมเข้มโดยจัดทีมเฝ้าระวังในสื่อโซเชียลดูแลกำกับมิให้มีการเผยแพร่ข้อมูล หรือโฆษณาที่ก่อให้เกิดปัญหาทางศีลธรรม มนุษยธรรม ทั้งการรับจ้างตั้งครรภ์  ซื้อ-ขายไข่ อสุจิ หรือตัวอ่อน ฯลฯ  รวมทั้งจะมีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นภาคีเครือข่ายป้องปรามการกระทำผิดอีกด้วย ทั้งนี้ หากผู้ใดพบเห็นหรือทราบเบาะแสการกระทำที่เข้าข่ายการรับจ้างอุ้มบุญ ซื้อขาย อสุจิ ไข่ ตัวอ่อน หรือเป็นนายหน้าให้มีการรับจ้างตั้งครรภ์  สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่กรม สบส.หมายเลขโทรศัพท์ 02 193 7000 ต่อ 18418, 18419 หรือ 18618 เพื่อดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิดโดยทันที


 


 

Shares:
QR Code :
QR Code