อาหารทำบุญ ‘อ่อนหวาน’

เรื่องโดย: แพรวพรรณ สุริวงศ์  Team Content www.thaihealth.or.th


อาหารทำบุญ ‘อ่อนหวาน’ thaihealth


แฟ้มภาพ


ในเดือนกรกฎาคมของทุกปีจะมีวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา นั่นก็คือ วันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา ซึ่งเป็นวันที่พุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่ นิยมทำบุญตักบาตร ถวายเทียนพรรษา ผ้าอาบน้ำฝน และที่ขาดไม่ได้คือการถวายอาหารแด่พระสงฆ์


รศ.ดร.ภญ.จงจิตร อังคทะวานิช คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หัวหน้าโครงการสงฆ์ไทยไกลโรค กล่าวว่า ปัจจุบันพฤติกรรมการทำบุญเปลี่ยนไปมาก คนส่วนใหญ่นิยมซื้ออาหารสำเร็จรูป เพราะความสะดวกและไม่ต้องลงมือทำเอง ซึ่งจากการสำรวจพบว่า อาหารดังกล่าวมีโปรตีนเพียง 2 ใน 3 ของโปรตีนที่ร่างกายควรจะได้รับ จึงทำให้พระสงฆ์ได้รับโปรตีนไม่เพียงพอ นอกจากนี้อาหารยังเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดโรคต่างๆ ในพระสงฆ์อีกด้วย


จากศึกษาวิจัยปัญหาโภชนาการพระสงฆ์ในเมือง ตั้งแต่ปี 2554-2558 ในโครงการสงฆ์ไทยไกลโรค โดยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเริมสุขภาพ (สสส.) พบพระสงฆ์เป็นโรคอ้วน 48% โรคเบาหวาน 10.4% โรคคอเลสเตอรอลสูง 42% และโรคความดันโลหิตสูงอีก 23% ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจากการได้รับอาหารที่ไม่ถูกหลักโภชนาการ ดังนั้นการถวายอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ จึงเป็นปัจจัยสำคัญต่อการสร้างเสริมให้พระสงฆ์มีสุขภาพที่ดี


รศ.ดร.ภญ.จงจิตร ได้แนะนำอาหารใส่บาตรสุขภาพดีสำหรับพระสงฆ์ ด้วย 6 วิธี ได้แก่ 1.เสริมข้าวกล้อง หรือจะผสมข้าวกล้องกับข้าวขาวอย่างละครึ่งก็ได้ 2.เน้นอาหารที่มีผัก หรือเสริมผลไม้ 3.หลีกเลี่ยงกะทิในการประกอบอาหารและขนมหวาน โดยสามารถใช้กะทิผสมนมสดรสจืด นมพร่องมันเนย หรือนมไขมันต่ำ ก็ได้ 4.ลดความเค็มในการปรุงอาหาร 5.ลดอาหารที่มันจัด และ 6.ลดความหวาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องพึ่งระวังเป็นอย่างมาก เพราะน้ำตาลแฝงมาทั้งในอาหาร ขนมหวาน และเครื่องดื่ม (น้ำปานะ)  


“ส่วนมากพระสงฆ์จะได้รับน้ำตาลมาจากเครื่องดื่ม หรือเรียกว่าน้ำปานะ ซึ่งน้ำปานะที่ฆราวาสนำมาถวายมักจะเป็น น้ำอัดลม น้ำผลไม้ รวมถึงน้ำหวานชนิดต่างๆ นั่นล้วนแล้วแต่มีส่วนผสมของน้ำตาลทั้งนั้น เมื่อพระสงฆ์ฉันท์เข้าไปในช่วงท้องว่าง น้ำตาลในเครื่องดื่มเหล่านั้นจะดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็ว และหากเกิดขึ้นซ้ำๆ สะสมไปเรื่อยๆ จะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ ได้ เช่นโรคอ้วน โรคเบาหวาน โดยเฉพาะพระสงฆ์ที่มีพันธุกรรม หรือภาวะน้ำหนักตัวเกินก็จะยิ่งเกิดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานเพิ่มมากขึ้น ซึ่งน้ำปานะที่จะถวายพระสงฆ์ควรเป็นปานะที่มีโปรตีน เช่น นมพร่องมันเนย นมไขมันต่ำ หรือนมถั่วเหลืองหวานน้อย เพราะจะช่วยให้อิ่มท้อง และยังทำให้ลดการฉันท์ให้น้อยลงด้วย” หัวหน้าโครงการสงฆ์ไทยไกลโรค บอกเพิ่มเติม


รศ.ดร.ภญ.จงจิตร ยังได้กล่าวถึงโครงการ “ครัวต้นแบบ สงฆ์โภชนาดี” ภายใต้โครงการวิจัยการขับเคลื่อนสื่อโภชนาการสงฆ์ไทยไกลโรคเพื่อสงฆ์ไทยเข้มแข็งและยั่งยืน ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) โดยการนำสื่อชุดครัวไทยไกลโรค เสนอ 8 วิธี ให้กับแม่ครัวใน มจร.ในการประกอบอาหารให้แก่พระสงฆ์อย่างถูกสุขลักษณะ กับข้อแนะนำ “8 วิธี หนีโรคภัย” ด้วยกลอนที่จำง่ายๆ และสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ดังนี้


“อาหารต่างๆ ยกวางเหนือพื้น ดิบสุกอย่าฝืนแยกภาชนะใส่


เนื้อผัดหรือแกง แช่เย็นเร็วไว ผักผลไม้ล้างให้ ไร้เชื้อ เคมี


ปรุงเสร็จแล้วปิดภาชนะดีกว่า ข้าวกล้องผักปลา ปรุงมาเพื่อสงฆ์


กะทิลดได้ ใส่นมวัวลง พลาสติกหมดพิษสงลดร้อนก่อนเท”


เพราะหัวใจสำคัญที่จะสามารถช่วยดูแลสุขภาพของพระสงฆ์ได้ คืออาหาร ดังนั้นการถวายอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ จึงเป็นปัจจัยสำคัญต่อการสร้างเสริมให้พระสงฆ์มีสุขภาพที่ดี

Shares:
QR Code :
QR Code