‘อาหารคลีน’ คนรุ่นใหม่กับสุขภาพที่ใฝ่หา
แฟ้มภาพ
"อาหาร"เป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ที่สำคัญของชีวิต เพราะอาหารเป็นได้ทั้งการสร้าง การปกป้อง เพื่อให้ชีวิตเติบโตได้อย่างมีคุณค่า ดังนั้นทุกชีวิตจึงใฝ่หาและศึกษาที่จะสร้างสรรค์อาหารที่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายตลอดมา
ยุคสมัยนี้ หลายๆ คน คงเคยได้ยินคำว่า "อาหาร คลีน" โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่วัยหนุ่ม-สาวที่หันมาสนใจอาหารเพื่อสุขภาพมากขึ้น แต่สำหรับการจะทำอาหารคลีน กินเองทุกวันคงเป็นเรื่องยากไม่น้อยกับชีวิตในสังคมเมือง ที่ต้องแข่งขันกับเวลา
อาจารย์สง่า ดามาพงษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ ที่ปรึกษากรมอนามัย และผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) บรรยายพิเศษ เรื่อง "กินคลีนอย่างไทย กินอย่างไรในยุคเร่งรีบ" ให้กับคนเมือง ที่ใส่ใจสุขภาพ ได้นำความรู้และสูตรอาหารคลีนง่ายๆ แบบไทย กลับไปทำที่บ้าน โดยบอกว่า พฤติกรรมของคนไทย ปัจจุบัน นิยมกินอาหารนอกบ้านมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอาหารที่รสจัด นั่นคือหวานจัด เค็มจัด และยังใช้ชีวิตซ้ำเดิม มีพฤติกรรมเนือยนิ่ง ไม่เคลื่อนไหวร่างกาย มีความเครียดสูง และพักผ่อนน้อย พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้คนไทยป่วยเป็น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคอ้วน ไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ โรค NCDs มากขึ้น
และเป็นที่น่าดีใจว่า คนในสังคมไทยวันนี้ไม่ว่าจะวัยไหนก็ตาม หันมาสนใจกินคลีนมากขึ้น ซึ่งการ "กินคลีน แบบไทย ในยุคเร่งรีบ" ก็คือ "การกินเป็น ก่อสุข เน้นกิน แบบธรรมชาติ" ที่จะเกิดประโยชน์และส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกาย โดยเริ่มจากการกินอาหารด้วยสูตร 6:6:1 นั่นคือ กินน้ำตาลพอดีที่วันละ 6 ช้อนชา กินไขมันพอดีที่วันละ 6 ช้อนชา และกินเกลือวันละไม่เกิน 1 ช้อนชา
บทสรุปก่อนปิดการบรรยาย อาจารย์สง่า แนะนำหลักกินคลีนง่ายๆ คือต้องเริ่มจาก การกินอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ "กินปลาเป็นหลัก กินผักเป็นพื้น" และผักที่มีประโยชน์ไร้สารพิษตกค้างก็คือ ผักพื้นบ้านของไทยเรานั่นเอง นอกจากนี้ควรปรุงแต่งอาหารให้น้อย ไม่ใช้วิธีการ ปรุงอาหารที่ซับซ้อน เน้นการกินอาหารประเภทต้ม แกง ยำ ตุ๋น และนึ่ง
เพื่อให้ได้รู้จักกับอาหารคลีนมากขึ้น คุณธนิสร ฤกษนันทน์ ผู้จัดการฝ่ายโภชนาการ สหกรณ์วังน้ำเย็น สระแก้ว ก็ได้แนะนำเมนูอาหารคลีนที่ทำได้ง่าย และดีต่อสุขภาพ ให้ทราบว่า การทำอาหารกินเองต้องเริ่มจากการเลือกวัตถุดิบที่สะอาด ปลอดภัยไร้สารพิษ วิธีการปรุงสะอาด และที่สำคัญคือ เครื่องปรุง ซึ่งก่อนซื้อทุกครั้งควรดูฉลากโภชนาการโดยละเอียด และควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่โซเดียมต่ำ (Low Sodium) หากกินโซเดียมมากเกินไปจะส่งผลเสียต่อร่างกายได้ น้ำมัน ควรเลือกให้ตรงกับวิธีการปรุงอาหาร อย่าง น้ำมัน ถั่วเหลือง มีจุดอิ่มตัวต่ำเหมาะกับการผัด น้ำมันปาล์ม มีจุดอิ่มตัวสูง เหมาะกับการทอด ส่วนน้ำมันมะกอก เป็นน้ำมันที่มีจุดอิ่มตัวต่ำมาก เหมาะกับการปรุงอาหาร ทุกประเภท
คุณธนิสร ได้แนะนำสูตรการทำอาหารคลีนแบบง่ายให้ทราบอย่างหนึ่งคือ "ยำเห็ดสามสี" โดยย้ำว่าเมนูนี้มีรสชาติจัดจ้านแบบไทย ที่ประกอบไปด้วย เห็ด 3 ชนิด (ตามชอบ) เช่น เห็ดหูหนู เห็ดเข็มทอง เป็นต้น และยังมีหอมใหญ่ ขึ้นฉ่าย หอมหัวแดง ต้นหอม เป็นส่วนประกอบ โดยบอกว่า เมนูนี้มีคุณค่าสารอาหารมาก และมีพลังงาน รวมเพียง 142.6 กิโลแคลอรี เหมาะกับผู้หญิงที่อยาก ลดน้ำหนักและสุขภาพดีควบคู่กันไปด้วย
อีกเมนูหนึ่งที่บอกให้ทราบคือ "ข้าวต้มปลาไรซ์เบอร์รี่" ที่มีวัตถุดิบเป็น ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ปลากะพง ขิงซอย ขึ้นฉ่าย กระเทียมเจียว น้ำซุปจากกระดูกปลา ซึ่งเป็นเมนูที่มีคุณค่าทางอาหารสูงจากข้าว ปลา มีการปรุงแต่งน้อย เพราะได้รสชาติจากน้ำซุปกระดูกปลา และยังย่อยง่ายอีกด้วย
ลองมาฟัง คุณป้าณชล ลิ้มสุคลธ์ แม่บ้านสุขภาพดี วัย 66 ปี ที่มาร่วมในงานบรรยาย บอกว่า การมาฟังบรรยายครั้งนี้เหมือนเป็นการรับฟังข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์เพิ่มขึ้นอีกอย่างหนึ่ง เพราะปกติทำกับข้าวกินเอง ที่บ้านอยู่แล้ว และมักจะทำอาหารประเภท แกง ต้ม ยำ ซึ่งมี ส่วนผสมของน้ำมันน้อย และเหมาะกับผู้สูงอายุอย่าง เมนูประจำบ้านคือ แกงจืด ผัดฟักทอง ผัดบวบและแตงกวา แกงเลียงผักรวม ปรุงรสน้อยๆ เน้นผักมากกว่าเนื้อสัตว์ นอกจากการกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพแล้ว ตนและสามียังออกกำลังกายเป็นประจำด้วย อย่าง การเดินเร็ว แกว่งแขน เพราะการที่จะมีสุขภาพดีต้องดูแลอาหารและออกกำลังกายควบคู่กันไป
หลังจากการบรรยายจบสิ้นลง ทำให้ได้พบว่า "อาหารคลีน" แม้จะยังไม่ค่อยคุ้นหูกับคนอีกหลายคน แต่เมื่อรู้และเข้าใจเคล็ดลับอย่างนี้แล้ว ไม่ว่าชีวิตจะ เร่งรีบแค่ไหน การทำอาหารคลีนก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับ คนเมืองอีกต่อไป
ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า