“อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ” ใส่ใจพนักงาน-ชุมชน
“อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ” ที่ทำการแห่งใหม่ของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จะเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 6 ธ.ค.นี้ แต่กว่า 1 ปี ที่เปิดใช้งานมาก่อนนั้น ได้รับการกล่าวถึงอย่างกว้างขวาง
แต่ละวันมีผู้ติดต่อขอดูงาน อาคารในซอยงามดูพลี ย่านสาทรแห่งนี้ไม่ขาดสาย อาคารแห่งนี้ ไม่สะดุดตา และไม่หรูหรา แต่หากใครได้เข้าออกอาคาร สัมผัสได้ถึงความสบาย และสงบ จากลมที่ทำให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ใช้แสงสว่างจากภายนอก ผู้คนเดินขึ้นลงบันไดเป็นว่าเล่น แทบไม่เห็นลิฟท์ทำงาน มีเสียงปฏิสัมพันธ์ของคนทำงานเล็ดลอดให้ได้ยินระหว่างทางเดิน ต่างจากอาคารกลางกรุงทั่วไปที่ปิดทึบ ใช้แสงสว่างผ่าน สวิตช์ไฟฟ้า และใช้เครื่องปรับอากาศทำความเย็นเป็นหลัก มีลิฟท์เท่านั้นที่พาผู้คนจากตึกให้พบกัน
ความเรียบง่าย แต่เน้นประโยชน์ใช้สอยแห่งนี้ เกิดจากแนวคิดตั้งต้น ที่จะทำให้เป็นอาคารต้นแบบ ตามแนวคิด “happy work place” ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการ สสส. บอกว่า ผู้บริหารต้องการให้อาคารแห่งนี้เป็นศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ ดังนั้นจะสร้างให้เป็นต้นแบบตามภาระหน้าที่หลักของสสส. ในการส่งเสริมสุขภาพและสุขภาวะทั้ง กาย ใจ สังคม และปัญญา และนำแนวคิด “สถาปัตยกรรมสีเขียว” มาใช้ โดยประยุกต์จาก “บ้านไทย”
ในช่วงเริ่มต้นนั้น ทพ.กฤษดา ระบุว่า มีการนำแนวคิดทาง active design หรือการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการออกแบบและก่อสร้างอาคาร เพื่อให้เป็นอาคารประหยัดพลังงานมาเปรียบเทียบ แต่พบว่าค่าใช้จ่ายสูงมหาศาล จึงมุ่งใช้หลัก passive design หรือออกแบบให้สอดคล้องกับธรรมชาติ และผสมผสานกับการติดตั้งอุปกรณ์ช่วยลดใช้พลังงานประกอบไปด้วย
เป้าประสงค์ของการสร้างอาคารมาจากความเชื่อว่า “มนุษย์เป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุด” จึงต้องการสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงาน ผสมกับวัฒนธรรมการทำงานที่ดี เพื่อให้คนปลดปล่อยพลังออกมา มีความคิดสร้างสรรค์ เกิดประสิทธิภาพในการทำงาน
อาคารแห่งนี้วางมาตรฐานตั้งต้นให้ได้การ รับรอง leed ขั้นสูงสุด หรือ ระดับแพลทตินั่ม ที่รับรองอาคารที่มุ่งเน้น 5 หัวข้อหลัก ประกอบด้วย ออกแบบพื้นที่อย่างยั่งยืน ใช้น้ำและพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ นำพลังงานหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ ใช้วัสดุก่อสร้างที่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และคุณภาพ ของสิ่งแวดล้อมภายในอาคาร
นอกจากนี้ยังมีหัวข้ออื่นๆ ที่ใส่ในงานออกแบบนอกเหนือจากมาตรฐาน leed อาทิ นำสถาปัตยกรรมแบบไทยมาประยุกต์ เพื่อให้เป็นอาคารโปร่งลมพัดผ่านตลอดอาคาร มีพื้นที่ส่วนกลางที่ไม่ต้องมีเครื่องปรับอากาศ สำหรับนั่งพบปะพูดคุย และคำนึงถึงชุมชนโดยรอบ
ทพ.กฤษดา บอกว่า อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าอาคารทั่วไปไม่ถึง 10 % มีการใช้วัสดุบางอย่างที่ช่วยให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น อาทิ ติดตั้ง โซลาร์เซลล์บนหลังคา กระจกกันความร้อน ระบบบำบัดน้ำเสีย ระบบควบคุมไฟ หากแสงสว่างจากธรรมชาติไม่เพียงพอ ไฟจึงจะเปิด และมีฟินบังแดดป้องกัน แสงสว่างจากภายนอกเข้ามาภายในอาคารโดยตรง ทำให้ไม่ต้องใช้ม่าน และแสงจากภายนอกมาช่วงส่องสว่าง แต่ละวันแทบไม่ต้องเปิดไฟฟ้าในห้องทำงาน รวมถึง ท่อนำแสง เพื่อดึงแสงจากข้างนอกเข้ามาที่อาคารจอดรถลดการใช้ไฟฟ้าจากระบบอีกทาง
นอกจากนี้การที่ไม่พยายามสร้างห้องมากนัก แต่เน้นพื้นที่ส่วนกลาง ทำให้ลดการใช้เครื่องปรับอากาศบางส่วน รวมถึงการสร้างอาคารสูงเพียง 6 ชั้นออกแบบลดหลั่น บันไดกว้าง และสร้างวัฒนธรรมให้คนเดินขึ้นลงบันได ทำให้ลิฟท์ไม่มีการใช้งานเหมือนอาคารอื่น และเท่าที่ได้ติดตามการใช้พลังงานพบว่า ประหยัดราว 20 % มาจากไฟฟ้าเป็นหลัก
บรรยากาศที่ดีในการทำงาน ทำให้อาคารของ สสส.แตกต่างจากอาคารอื่น เป็นที่ทำงานที่เหมือนบ้าน มีห้องเลี้ยงเด็ก ให้นมบุตร ห้องออกกำลังกาย ส่วน ห้องทำงานและห้องประชุมจัดตกแต่งชวนให้มีการ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างพี่น้อง พร้อมกับเน้นย้ำการสร้างบรรยากาศทางใจในการทำงาน โดยให้หัวหน้างานใส่ใจคนในทีมทุกเรื่อง นอกจากนี้ยังใช้วัสดุภายในที่ปลอดภัย อาทิ สีทาผนังที่ปลอดภัย กาวในเฟอร์นิเจอร์ต้องไม่มีสารพิษ เป็นต้น รวมถึงมุ่งเน้นประโยชน์ใช้สอย อาทิ ดาดฟ้าอาคาร ที่ทำให้เป็นศูนย์สาธิตแปลงผักปลอดสารพิษ เป็นต้น ที่สำคัญใส่งานศิลป์ในอาคารด้วย โดยดึงศิลปิน 10 ท่านมาร่วมออกแบบ ที่เด่นที่สุดคือนกปูนปั้นจำนวน 365 วันที่เกาะติดทั่วอาคารด้วยลักษณะที่ไม่ซ้ำกัน กระตุ้นให้คนมีความสุขได้ทุกวัน
“สสส.ให้ความสำคัญกับการรักษาสิ่งแวดล้อม และลงมือทำจริงจัง ไม่เช่นนั้นคำพูดหรือการรณรงค์ที่ออกไปจะไม่มีน้ำหนัก ผู้บริหารสสส.จึงตั้งใจให้อาคารแห่งนี้เป็นต้นแบบ”
ทพ.กฤษดา ยังบอกว่า นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับชุมชน แม้การสร้างอาคารนี้ไม่ต้องทำรายงาน ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรืออีไอเอ แต่ได้เข้ามาเรียนรู้ ความเป็นอยู่ของชุมชนโดยรอบล่วงหน้ากว่า 2 ปี พร้อมออกแบบ “สถาปัตยกรรม สีเขียว” ทำให้อาคารกลมกลืนกับสภาพแวดล้อม เป็นอาคารที่ไม่สูงมาก ไม่มีสีสันฉูดฉาด มีระบบบำบัดน้ำเสีย ทำให้ไม่ปล่อยน้ำเสียทิ้งออกไปภายนอกเลย
ขณะเดียวกันมุ่งให้ชุมชนกับอาคารมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ไม่แปลกแยก มีการเชิญชุมชนเข้ามาทำกิจกรรมที่อาคารเป็นระยะ มีการรีไซเคิลขยะ ขายราคาถูกให้ชุมชนนำไปขายต่อ รวมถึงจัดระบบการจราจรไม่ให้การมีอยู่ของตึก สร้างความเดือดร้อนให้ชุมชน โดยไม่ส่งเสริมให้ขับรถมาทำงาน เพราะจุดที่ตั้งอาคารอยู่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้า รวมถึงจัดที่จอดรถบริเวณปากซอย พร้อมกับสร้างจุดจอดรถจักรยานในอาคาร เพื่อกระตุ้นให้มีการขี่จักรยานออกกำลังกาย นอกจากนี้ยังเปิดให้เป็นอาคารศูนย์เรียนรู้ ที่มีถึง 14 จุดเรียนรู้ และมีการจัดนิทรรศการทั้งถาวร รวมถึงชั่วคราวทุก 3 เดือน ซึ่งเปิดให้นักเรียนนักศึกษาเข้ามาดูงานอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยวันละกว่า 500 คนในช่วงเปิดเทอม
แนวคิด “happy work place” ที่ สสส.ให้ความสำคัญนั้น เป็นเพราะเชื่อว่าหากที่ทำงานใดทำให้คนทำงานมีความสุข และเป็นองค์กรที่ดูแลสังคมอย่างจริงจัง จะทำให้คนอยู่กับองค์กรได้นานกว่าแรงจูงใจจากค่าตอบแทนเพียงอย่างเดียว และการดึงคนให้อยู่กับองค์กรนี้เอง ทำให้หลายบริษัทรอดจากวิกฤติเศรษฐกิจมาแล้ว พร้อมสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ