อันตราย! อย่าปล่อยให้เด็กเล่นพลุ-ประทัด
จังหวัดบุรีรัมย์ พบผลสำรวจ เด็กอายุ 10 – 14 ปี มักจะได้รับอันตรายจากการเล่นพลุ ประทัด ดอกไม้ไฟมากที่สุด กำชับเจ้าหน้าที่ดูแลการจำหน่ายและรณรงค์เลิกจุดพลุในงานบุญประเพณี
เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2556 นายพินิจ บุญเลิศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้เป็นช่วงใกล้เทศกาลงานบุญต่างๆ เช่น วันออกพรรษา งานทอดกฐิน ทอดผ้าป่า รวมถึงงานทำบุญตามประเพณีของทางภาคอีสาน ที่ประชาชนนิยมจัดงานแล้วมักจะมีการจุดพลุ บั้งไฟหลายชนิด โดยเจ้าภาพ หรือผู้จัดงานส่วนใหญ่ต้องการให้พลุและบั้งไฟมีเสียงดังมากที่สุด ทำให้กลุ่มผู้รับเหมาทำพลุ และบั้งไฟ ได้หาวิธีการทำส่วนผสมดินปืนให้เกิดความรุนแรงและเสียงดังมากขึ้น เพื่อเอาใจลูกค้า
นายพินิจ กล่าวต่อว่า หากกลุ่มผู้รับเหมาดังกล่าวทำพลุ หรือบั้งไฟ เพื่อให้เกิดเสียงดังกลางอากาศก็จะไม่เกิดปัญหา แต่หากมีความผิดพลาดลูกพลุระเบิดก่อนถึงกลางอากาศ หรือแรงส่งไม่พอแล้วระเบิดที่พื้นดิน จะเกิดอันตรายต่อประชาชน ซึ่งที่ผ่านมามีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก และเหตุการณ์แบบนี้ เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง
จากข้อมูลทางสาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ มีการสำรวจพบเด็กอายุ 10 – 14 ปี มักจะได้รับอันตรายจากการเล่นพลุ ประทัด ดอกไม้ไฟมากที่สุด รวมทั้งการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ที่นำประทัด ดอกไม้ไฟ เก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อ กางเกง หากเกิดการเสียดสีจะทำให้ระเบิดหรือเป็นไฟลุกไหม้ได้ ในแต่ละปีมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก จึงฝากให้ผู้ปกครองทุกท่านเตือนลูกหลานด้วย
“ปีนี้ทางจังหวัดบุรีรัมย์ ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกวดขันเรื่องการเล่นพลุ ประทัด ดอกไม้ไฟเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันเหตุก่อนที่จะมีเหตุเกิด พร้อมได้กำชับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำชุมชนท้องถิ่นทุกแห่ง ให้สอดส่องดูแลพร้อมทำความเข้าใจกับเจ้าภาพงาน ให้หลีกเลี่ยงการจุดพลุ และบั้งไฟ หากจำเป็นต้องไม่ใช้ชนิดที่มีความรุนแรงจนทำให้เกิดอันตรายได้” รองผู้ว่าฯบุรีรัมย์ กล่าว
ทั้งนี้ จะต้องมีการประชาสัมพันธ์และรณรงค์ไม่ให้ประชาชนจุดพลุในงานบุญต่างๆ อีกด้วย และเบื้องต้นต้องมีการตรวจสอบการจุดพลุในแต่ละครั้งว่า ผู้จุดมีใบอนุญาตการทำพลุหรือไม่ หากมีการฝ่าฝืนหรือพบชาวบ้านผลิตขึ้นเอง จะมีการแจ้งความดำเนินคดีทันที
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า