อันตรายที่คาดไม่ถึงจากการไม่คาดเข็มขัดแถวหลัง
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ
สสส.ผนึกภาคีเครือข่าย ซับบ์สามัคคีประกันภัย สำนักงานเครือข่ายช่วยลดอุบัติเหตุ กรมการขนส่งทางบก Thai Roads Foundation บริษัท All Thai Taxi แท็กซี่สุวรรณภูมิ "อันตรายที่คาดไม่ถึงจากการไม่คาดเข็มขัดแถวหลัง" ทุกเทศกาลวันหยุดยาว และวันทำงาน
เปิดตัวเหยื่อจากการไม่คาดเข็มขัดนิรภัยที่นั่งตอนหลังประสบอุบัติเหตุเป็นอัมพาตทั้งตัว ต้องนั่งวีลแชร์ตลอดชีวิต ช่วงป่วยแค่ยกมือปัดยุงกัดที่แขนยังทำไม่ได้ ชีวิตรันทด ชีวิตเปลี่ยนจากทำงานประจำเป็น Part Time ขายเตียงคนไข้ รถเข็นไฟฟ้าทางออนไลน์ ส่งสินค้าทางไปรษณีย์ สสส.แจงอุบัติเหตุแรงเท่ากับตกจากตึก 5 ชั้น ไม่คาดเข็มขัดนิรภัยใกล้ไกลเท่ากัน แรงกระแทกรุนแรง หากคาดเข็มขัดนิรภัย ลดลง 40% ซับบ์ฯ ขอเป็นส่วนหนึ่งของสังคมผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ด้วยการปลุกจิตสำนึกคาดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง กรมการขนส่งทางบกแจงตัวเลขรถบรรทุกสินค้า คนขับถูกปรับไม่เกิน 500 บาท ผู้โดยสารถูกปรับ 5,000 บาท
งานแถลงข่าวโครงการ "รณรงค์คาดเข็มขัดนิรภัยแถวหลัง" ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุกสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมรณรงค์ โดยความร่วมมือระหว่างสำนักงานเครือข่ายช่วยลดอุบัติเหตุ และ ซับบ์สามัคคีประกันภัย (บริษัทประกันใหญ่อันดับ 6 ของประเทศ) กรมการขนส่งทางบก พร้อมด้วยหน่วยงานพันธมิตร Thai Roads Foundation บริษัท All Thai Taxi แท็กซี่สุวรรณภูมิ ณ ห้องรอยัลมณียาบอลรูมเอ โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์ เสวนาเรื่อง "อันตรายที่คาดไม่ถึงจากการไม่คาดเข็มขัดแถวหลัง" โดยผู้ประสบอุบัติเหตุสูญเสียจริง พิมพ์ประวีณ์ สมยานุสรณ์ ผู้ดำเนินรายการ พรหมินทร์ กัณธิยะ ผอ.สำนักงานเครือข่ายช่วยลดอุบัติเหตุ
พรหมินทร์ กัณธิยะ ผอ.สำนักงานเครือข่ายช่วยลดอุบัติเหตุ (สคอ.) กล่าวว่า ขอส่งสัญญาณบุญกุศลให้คนไทยทั้งประเทศสร้างความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน เพราะขณะนี้คนไทยเป็นประเทศเดียวในโลกที่ใช้รถกันทุกหลังคาเรือน ทั้งรถ 3 ประเภท รถปิกอัพ รถเก๋ง รถมอเตอร์ไซค์ อุบัติเหตุจึงเป็นเรื่องใกล้ตัวมาก ขณะนี้เครือข่ายแท็กซี่ร่วมงานกับพวกเราในการต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง ภายใต้การสนับสนุนของ สสส. และ ซับบ์สามัคคีประกันภัย วันนี้ชีวิตกลับด้านของคนที่ประสบอุบัติเหตุเพราะไม่คาดเข็มขัดนิรภัยที่นั่งตอนหลังมานั่งอยู่กับเราเพื่อให้ข้อมูล พิมพ์ประวีณ์ สมยานุสรณ์ พนักงานบริษัทอัญมณีรายใหญ่ย่านบางนา ทำหน้าที่ประสานงานการผลิต ประสบอุบัติเหตุบนทางด่วนบางนา
พิมพ์ประวีณ์ สมยานุสรณ์ นั่งบนเก้าอี้วีลแชร์ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า เล่าว่า เป็นคนอ่อนนุช วันเกิดเหตุไปงานเลี้ยงกับหัวหน้างาน 2 คนตั้งแต่ 5 โมงเย็นถึงเที่ยงคืน หลังจากนั้นหัวหน้าคนหนึ่งขับรถ โดยมีหัวหน้าอีกคนหนึ่งนั่งคู่กันคาดเข็มขัดนิรภัย ส่วนตัวเองนั่งที่นั่งตอนหลังของคนขับ ไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยแต่อย่างใด ขับมาตามเส้นทางถนนบางนา-ตราดเพื่อมายังที่พักของบริษัทอัญมณีที่ กม.1 ยูเทิร์นกลับรถที่ กม.2 เพื่อเข้ามาที่หอพักบริษัท ระหว่างทางกลับมาตอนนั้นสติยังดีอยู่ จำได้ว่ารถหมุนถึง 8 รอบ ชนกับเกือกม้าตรงที่ยูเทิร์น รอบสุดท้ายชนแรงมาก ใช้มือเกาะเบาะหน้าไว้แต่เอาไม่อยู่ ตัวหลุดกระเด็นกระดอนในรถ คอกระแทกกับประตูทางออกและลงไปนั่งอยู่ที่พื้นด้านล่าง หัวหน้าที่นั่งข้างคนขับเบาะพับลงมาทับอีกทีหนึ่ง สาเหตุที่ไม่คาดเข็มขัดนิรภัยที่นั่งตอนหลังเพราะคิดว่าไม่จำเป็น
"ตอนนั้นแขนขาขยับไม่ได้ พูดก็ไม่ได้ มูลนิธิปอเต็กตึ๊งเปิดประตูรถพาไปโรงพยาบาล ถ้าวันนั้นกระเด็นออกมานอกรถแล้วมีรถสวนมาพอดีก็ไม่รอด ถือได้ว่ายังโชคดีมีชีวิตรอด แต่คิดอีกทีหนึ่งถ้าตายไปเลยก็ไม่ต้องรับสภาพความพิการ 18 ปี ชีวิตเปลี่ยนไปเยอะ ตอนนั้นกำลังได้รับการส่งเสริมให้เป็นหัวหน้างาน สมัยนั้นให้เงินครอบครัวแต่ตอนนี้กลายเป็นครอบครัวต้องให้เงินกับเรา" พิมพ์ประวีณ์ กล่าวเสียงสั่นเครือ
พิมพ์ประวีณ์ กล่าวว่า จากชีวิตที่ Active ทำงานประจำ ต้องเปลี่ยนตัวเองมาทำงาน Part Time เป็นตัวแทนขายวีลแชร์ผู้สูงอายุ เตียงสำหรับคนไข้จากประเทศญี่ปุ่น ส่งเป็นพัสดุทางไปรษณีย์ ใช้หมายเลขโทรศัพท์ 08-0808-3694 โดยเปิด facebook: phinpawisomyanusorn ชีวิตเดิมมีความฝันความหวัง ตั้งเป้าหมายว่าอายุเท่านี้จะต้องมีบ้านเป็นของตัวเอง มีรถของตัวเอง แต่สุดท้ายเราต้องกลายเป็นคนพิการนั่งรถเข็น นอนอยู่โรงพยาบาล 4 เดือน ต้องซ่อมร่างกายจากการถูกกระแทกอย่างรุนแรง กระดูกต้นคอหักทับเส้นประสาท การเคลื่อนไหวตั้งแต่หัวไหล่จนถึงปลายเท้าไม่รู้สึก ต้องใช้แรงหัวไหล่พยุงตัว ตอนแรกๆ ทำอะไรไม่ได้ นอนอยู่ในหอผู้ป่วยของโรงพยาบาล ยุงกัดแค่ตัวเดียวแค่ยกมือเพื่อปัดยุงยังทำไม่ได้ ไม่สามารถร้องเรียกพยาบาลได้ ได้แต่สวดมนต์ว่าเราเป็นถึงขนาดนี้เลยหรือ ยกมือปัดยุงยังทำไม่ได้ ตอนนั้นคิดว่าชีวิตช่างเศร้ารันทดเหลือเกิน เราจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร"
หลังจากบำบัดรักษาโดยบริษัทอัญมณีรายใหญ่ย่านบางนาออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด แต่ยังให้อยู่ที่หอพักของบริษัทจนถึงทุกวันนี้ ขณะนี้ก็เข้ามาร่วมรณรงค์กับมูลนิธิเมาไม่ขับ ยังใช้ชีวิตเหมือนกับคนปกติ เป็นเหมือนพลเมืองชั้นสอง ต้องใช้รถเข็น การใช้ชีวิต การเดินทางก็ลำบาก ต้องมีคนมาดูแลด้วย หยิบน้ำดื่มแก้วหนึ่งยังไม่สามารถหยิบมาดื่มได้ ต้องอาศัยคนอื่น เป็นความคับแค้นใจอย่างมาก "เรารู้ว่าคนพิการลำบากมาก เราไม่อยากให้คนอื่นลำบากเหมือนเรา ดังนั้นจึงรณรงค์เพื่อช่วยเหลือชีวิตคนพิการเป็นเวลาสิบกว่าปีมาแล้ว คนไม่เป็นอย่างเราจะไม่มีวันรู้ ขณะนี้มีหลายองค์กรให้ความร่วมมือเกี่ยวกับโครงการรณรงค์เมาไม่ขับ ฯลฯ อุบัติเหตุมีอยู่มากมายบนท้องถนน เข็มขัดนิรภัยมีความสำคัญเกิน 100% ถ้าวันนั้นคาดเข็มขัดนิรภัย วันนี้คงไม่ต้องมานั่งรถเข็นอย่างที่เห็นอยู่นี้ ผู้พิการจากอุบัติเหตุทางรถยนต์มีอยู่ในทุกอำเภอของเมืองไทย มีน้อยรายที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อยอมรับสภาพอยู่ต่อเพื่อสังคมด้วย" พิมพ์ประวีณ์ พูดจบก็ร่ำไห้
พรหมินทร์ กัณธิยะ กล่าวสรุปว่า ขอให้ทุกท่านที่นั่งอยู่ในที่นี้ช่วยกันถ่ายทอดบอกกล่าวด้วยว่า กรุณาช่วยกันคาดเข็มขัดนิรภัยด้วย ผู้บังคับบัญชา หัวหน้างาน เดินทางไปไหนอย่าอายที่จะบอกลูกน้องให้คาดเข็มขัดนิรภัยด้วย
ดร.ลีวีอู เวดราสโก Technical Officer World Health Organization (WHO) กล่าวว่า ขณะนี้ WHO และทั่วโลกช่วยกันรณรงค์ให้มีการคาดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง มีตัวเลขที่น่าตกใจว่าคนทั่วโลก 1.2 ล้านคน จาก 100 กว่าประเทศทั่วโลกประสบอุบัติเหตุโดยไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย หรือเฉลี่ยวันละ 66 คน
นิตยา พิริยะธรรมวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซับบ์สามัคคีประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า พฤติกรรมของผู้โดยสารส่วนใหญ่จะคาดเข็มขัดนิรภัยแถวหน้าจนเป็นนิสัยแล้ว ในขณะที่ผู้โดยสารเบาะหลังยังไม่คุ้นชินกับการคาดเข็มขัดนิรภัย เป็นสาเหตุให้เกิดความเสียหายทางทรัพย์สินและชีวิตเมื่อเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ซับบ์ฯ ขอเป็นส่วนหนึ่งของสังคมผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมด้วยการปลุกจิตสำนึกผ่านสื่อประชาสัมพันธ์ทุกรูปแบบ สติกเกอร์ ป้ายติดรถยนต์
วิเชษฐ์ พิชัยรัตน์ กรรมการกองทุน สสส. กล่าวว่า สสส. และ ภาคีเครือข่าย ให้ความสำคัญกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนนอย่างต่อเนื่อง เพราะอุบัติเหตุทางถนนคร่าชีวิตคนไทยสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก สาเหตุจากการดื่มสุราแล้วขับรถเร็ว ไม่สวมหมวกนิรภัย รวมถึงการไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ส่งผลกระทบให้เกิดความรุนแรง ขณะนี้คนเข้าใจผิดว่านั่งโดยสารเบาะหลังแล้วปลอดภัยกว่าเบาะหน้า ทำให้เกิดความชะล่าใจ ไม่คาดเข็มขัดทั้งๆ ที่เข้าใจผิด ไม่ว่าจะนั่งรถใกล้หรือไกลที่เบาะหลังโดยไม่คาดเข็มขัดนิรภัย เมื่อเกิดอุบัติเหตุรถพุ่งไปข้างหน้าปะทะกับคนหรือวัตถุ ในตัวรถแรงปะทะจะเทียบเท่ากับการตกจากตึก 5 ชั้น ส่งผลให้คนที่ไม่คาดเข็มขัดนิรภัยกระแทกกับกระจก ชนเก้าอี้ หรือคนที่นั่งในรถบาดเจ็บรุนแรงได้
กมล บูรณพงศ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า หากผู้โดยสารไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ห้ามนำรถออกจากสถานีขนส่งหรือจุดจอด ทั้งนี้การณรงค์ในช่วงเทศกาลหยุดยาวมีบทลงโทษตามกฎหมายจราจรทางบก หากผู้รับหรือผู้โดยสารที่ไม่คาดเข็มขัดนิรภัยในรถยนต์ส่วนบุคคล รถกระบะ รถแท็กซี่ ถูกปรับคนละ 500 บาท หากเป็นรถโดยสารขนาดใหญ่ รถตู้โดยสาร รถทัวร์ รถบรรทุกสินค้า คนขับถูกปรับไม่เกิน 500 บาท ผู้โดยสารถูกปรับ 5,000 บาท
อนึ่ง วรรณพร ปันทะเลิศ ตัวแทน Thai Roads Foundation ภาคีเครือข่าย ทั้งนี้มีตัวแทนกลุ่มแท็กซี่All Thai Taxi แท็กซี่สุวรรณภูมิ เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ด้วย