‘ออกมาเล่นแอ็กทีฟ 60 นาที’ กระตุ้นสมองสร้างการเรียนรู้ตามวัย

ที่มา : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก


ภาพประกอบจากเว็บไซต์ hfocus.org


'ออกมาเล่นแอ็กทีฟ 60 นาที' กระตุ้นสมองสร้างการเรียนรู้ตามวัย thaihealth


สสส.เผย 'ออกมาเล่นแอ็กทีฟ 60 นาทีทุกวัน' กระตุ้นสมองสร้างการเรียนรู้เหมาะสมตามวัย


ที่อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) แถลงข่าวภาพรวมการจัด โครงการกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาวะทางกายในสถานศึกษา เพื่อส่งเสริมการมีกิจกรรมทางกายอย่างต่อเนื่องในกลุ่มเด็กและเยาวชนไทย ให้มีสุขภาวะที่ดีเหมาะสมตามวัย และความสำคัญในการส่งเสริมการมีกิจกรรมทางกาย ทั้ง 3 มิติ


รศ.นพ.ปัญญา ไข่มุก กรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า โครงการกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาวะทางกายในสถานศึกษา ภายใต้แนวคิด "ออกมาเล่น แอ็กทีฟ 60 นาทีทุกวัน" ซึ่งการดำเนินงานดังกล่าวมีความสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ในการ"ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้" ที่จะส่งเสริมให้การดำเนินการในภาพใหญ่มีความเข้มแข็ง และประสบความสำเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพ


ด้าน ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ปัจจุบันเด็กและเยาวชนไทย มีกิจกรรมทางกายอยู่ในระดับที่ไม่เพียงพอ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีพฤติกรรมการใช้หน้าจอที่เกินกว่าเกณฑ์ โครงการกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาวะทางกายในสถานศึกษา จึงมีส่วนสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมให้เด็ก ๆ เข้าร่วมโครงการสามารถนำไปปรับใช้กับการจัดกิจกรรมในการจัดการเรียนการสอนทั้งในชั้นเรียนและนอกชั้นเรียน ได้แก่ "ความสำคัญของการเล่นกับการพัฒนาสมอง" โดย รศ.ดร.ยศนันนท์ วงศ์สวัสดิ์ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและวิเทศสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยมหิดล "การเรียนการสอนกับกิจกรรม Active Learning โดย อาจารย์สมควร โพธิ์ทอง และ วิธีประเมินผลการทดสอบสมรรถภาพทางกาย โดย ผศ.เพิ่มศักดิ์ สุริยจันทร์ รวมถึงต้นแบบโรงเรียนฉลาดเล่น โดย ผศ.ดร. ปิยวัฒน์ เกตุวงศา อาจารย์ประจำสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล


'ออกมาเล่นแอ็กทีฟ 60 นาที' กระตุ้นสมองสร้างการเรียนรู้ตามวัย thaihealth


นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมตัวอย่าง โดยแบ่งเป็น 4 ฐานกิจกรรม ได้แก่ ฐาน ชั่ง ตวง วัด ที่บูรณาการความรู้มาจากวิชาคณิตศาสตร์และนันทนาการเข้าไว้ด้วยกัน และเพิ่มทักษะการเคลื่อนไหวของเด็ก ๆ


ซึ่งกิจกรรมตัวอย่างทั้ง 4 ฐานกิจกรรมข้างต้น จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการใน 3 มิติ ได้แก่ 1) ทักษะพิสัย ที่จะช่วยพัฒนาทักษะทางกาย และการปฏิบัติ โดยเด็กจะสามารถเลียนแบบท่าทางจากการเล่น และเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย


2) จิตพิสัย เป็นพัฒนาการทางด้านจิตใจ การเรียนรู้เพื่อพัฒนาการทางเจตคติ คุณธรรม จริยธรรม ประสบการณ์ที่มีคุณค่า เกิดทักษะสังคม เรียนรู้การอยู่ร่วมกับผู้อื่น


3) พุทธพิสัย อันได้แก่ พัฒนาการทางสติปัญญา และการรู้คิด โดยทำหน้าที่สั่งการอวัยวะต่างๆ ในร่างกายเคลื่อนไหวอย่างประสานสัมพันธ์กัน อีกด้วย"


ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดหรือความคืบหน้าของกิจกรรมในโครงการ ได้ทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ www.facebook.com/ActivePlayActiveSchool

Shares:
QR Code :
QR Code