ออกกำลัง…พาเด็กฉลาด
ที่มา : http://www.kidactiveplay.com
"เด็กฉลาด ชาติเจริญ" แต่ลูกจะฉลาดได้มีปัจจัยหลายสิ่งที่พ่อแม่ต้องช่วยเสริมและสนับสนุน ทั้งอาหารกาย อาหารใจ อาหารสมอง และหนึ่งสิ่งที่เด็กควรได้ปฏิบัติคือ "การออกกำลังกาย"
จากงานวิจัยของประเทศเนเธอร์แลนด์เมื่อเร็วๆนี้ มีการเปิดเผยว่า "การให้เด็กในวัยเรียนได้ออกกำลังกาย จะช่วยให้ผลการเรียนของเด็กดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ"
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่น่าสนใจอีกมากมายในประเทศอเมริกา แคนาดา และแอฟริกาใต้ระบุตรงกันถึงความสำคัญของการออกกำลังกายกับการเรียน งานวิจัย 14 ชิ้นได้ทำการวิจัยกับ เด็กอายุ 6-18 ปี จำนวนตั้งแต่ 50-12,000 คน พบว่า "เด็กที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอมีผลการเรียนดีขึ้น"
และจากการศึกษาของ California Department of Education (CDE) ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคะแนนของพละศึกษากับคะแนนการเรียนรู้วิชาการพบว่า "เด็กที่เรียนแอโรบิค เล่นยกน้ำหนัก และออกกำลังช่วงบริเวณท้อง ลำตัว และยืดหยุ่นร่างกายเป็นประจำจะทำคะแนนในด้านวิชาการได้ดีเป็น 2 เท่าของเด็กที่ไม่ออกกำลังกาย"
ครูใหญ่ของโรงเรียนประถม Fouke ในรัฐ Arkansas ของอเมริกากล่าวว่า ในขณะที่เด็กได้ออกกำลังกาย อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ เด็กๆกล่าวว่าพวกเขาสนุกกับการออกกำลังกายมาก และคุณครูยังแถมท้ายอีกว่าเมื่อเด็กๆมาเข้าชั้นเรียนพวกเขามีการตื่นตัวในการเรียนมากขึ้น
การออกกำลังกายช่วยให้การเรียนรู้ทางวิชาการดีขึ้นได้อย่างไร
1. ช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกินออกไปจากร่างกาย ทำให้ร่างกายกระฉับกระเฉง
2. ช่วยให้เด็กมีความสนใจและมีจิตใจจดจ่อต่อการเรียนมากขึ้น
3. ช่วยเสริมสร้างคุณค่าในตัวเอง มีอารมณ์แจ่มใส
4. ปรับตัวเข้ากับคนอื่นดีขึ้น มีทักษะทางสังคมมากขึ้นซึ่งส่งผลต่อการเรียน
5. ช่วยให้เลือดและออกซิเจนมีการไหลเวียนไปสู่สมอง จึงทำให้มีสมาธิจดจ่อในการเรียนและมีความจำดีขึ้น และยังทำให้มีการตื่นตัวในการเรียนมากขึ้นเมื่อออกกำลัง
6. จากการศึกษาในผู้สูงอายุพบว่าคนที่ออกลังกายจะมีระบบความจำที่มีประสิทธิภาพมากกว่าคนที่ไม่ได้ออกกำลังกาย
7. เด็กที่เป็นไฮเปอร์แอคทีฟ หากได้รับโปรแกรมการออกกำลังกายที่เหมาะสมในแต่ละวันสามารถช่วยให้เด็กมี สมาธิและมีการเรียนรู้ที่ดีขึ้น โดยการให้เด็กได้ออกกำลังช่วงสั้นๆระหว่างแต่ละคาบเรียน หรือบางครั้งอาจใช้การเรียนรู้ทางวิชาการควบคู่ไปกับการออกกำลังกายด้วย
8. ช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมน ลดความตึงเครียด กระตุ้นเซลล์ให้ทำงานอย่างยืดหยุ่นและสมดุล เพราะการให้สมองทำงานติดต่อกันเป็นเวลานาน คร่ำเคร่งกับการเรียนตลอดเวลาจะทำให้สมองเหนื่อยล้า และยากที่จะรับสิ่งใหม่ๆที่เกิดขึ้นได้
9. การให้เด็กเข้าร่วมโปรแกรมการออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดี แต่หากไม่สามารถทำได้ การให้เด็กได้วิ่งเล่นที่สนามหลังบ้าน ปีนป่ายบ้าง ก็ช่วยให้ลูกได้ขยับเขยื้อนร่างกายไม่แพ้การเข้าร่วมในวิชาพลศึกษา
10. การเล่นกีฬาบางประเภทเด็กอาจไม่ได้รับการออกกำลังกายเท่าที่ควร เช่นกีฬาที่มีการคัดออก หรือเด็กต้องนั่งรอคิวเป็นเวลานานก่อนถึงคิวของตัวเอง เป็นต้น
11. ถึงการออกกำลังกายจะไม่ได้ทำให้ลูกฉลาดขึ้นได้โดยตรง แต่ก็ช่วยให้สมองทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ยิ่งถ้าคุณพ่อคุณแม่พาออกกำลังกาย เล่นกีฬาด้วยกัน ความสัมพันธ์ในครอบครัวยิ่งแน่นแฟ้น เด็กก็จะแข็งแรงทั้งกายและใจนะคะ