อย.บุกคลินิกเสริมสวยจับยาเถื่อน
เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรีเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา และพล.ต.ต.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ผบก.ปคบ.) ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังการตรวจค้นทองหล่อคลินิก และจับยาฉีดฟิลเลอร์ (filler) ยี่ห้อทีโอไซอัล (teosyal)ซึ่งเป็นยาฉีดรักษาริ้วรอยบนใบหน้า พร้อมยาฉีดอื่นๆ ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับ อย.อีกหลายรายการรวมมูลค่าของกลางกว่า 7 แสนบาท
นพ.พิพัฒน์แถลงว่า เมื่อวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ร่วมกับตำรวจ บก.ปคบ. นำหมายค้นศาลแขวงพระนครใต้ ที่ ค.19/2554 เข้าตรวจค้น “ทองหล่อ คลินิก” เลขที่ 158/1 อาคารอเนกวานิช สุขุมวิท 55 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ ซึ่งก่อนหน้าการเข้าค้นได้ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปซื้อบริการฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อทีโอไซอัล และพบว่ามีการใช้ยาฉีดชนิดนี้จริง โดยผลการตรวจค้นพบยาฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อทีโอไซอัลหลากหลายรูปแบบ ที่อ้างแก้ปัญหาริ้วรอย ร่องลึก สร้างเรียวปากสวยอวบอิ่ม ลดริ้วรอยบนใบหน้า ผลจากการตรวจสอบเป็นยาฉีดที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา ถือเป็นยาเถื่อนที่ผิดกฎหมาย เสี่ยงที่จะเป็นยาปลอม เนื่องจากไม่มีผู้รับรอง ไม่มีการขึ้นทะเบียนกับ อย.นอกจากนี้ยังพบเครื่องสำอางบำรุงผิวที่ไม่มีฉลากภาษาไทย มีความผิดในข้อหาขายเครื่องสำอางที่ไม่มีฉลากภาษาไทย อาทิ ยาฉีดกลูตาไธโอน ยาฉีดสเต็มเซลล์ ยาฉีดรกแกะ ยาฉีดโบท็อกซ์ และยาฉีดลดไขมัน มูลค่าทั้งสิ้นกว่า 7 แสนบาท
“ยาฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อทีโอไซอัลของจริงผลิตในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และเป็นยี่ห้อที่นิยมใช้มากในประเทศไทย แต่ยาเถื่อนที่จับได้นี้ไม่ทราบว่าผลิตที่ไหน สถานที่ผลิตได้มาตรฐานหรือไม่ ตัวยาเป็นตัวยาจริงหรือไม่ เพราะไม่มีใครรับรอง แต่นำมาขายในราคาที่แพงมาก เฉพาะตัวยาไม่รวมค่าบริการ 1 กล่องฉีด ราคา 10,000 บาท ทั้งนี้ยาฉีดฟิลเลอร์ที่ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องกับอย.ปัจจุบันมี 12 ยี่ห้อ จาก 3 บริษัทผู้นำเข้าเท่านั้น” นพ.พิพัฒน์กล่าว
ด้าน พล.ต.ต.พูลทรัพย์กล่าวว่า เบื้องต้นได้แจ้งดำเนินคดีใน 2 ข้อหา คือ 1.ขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ 2.ขายเครื่องสำอางที่ไม่มีฉลากภาษาไทย มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จึงอยากให้ประชาชนเลี่ยงที่จะใช้ที่ไม่ถูกต้องเพื่อจะได้ไม่ทำผิดกฎหมายและทำผิดต่อผู้บริโภค
ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชนขอบ
ขอบคุณภาพประกอบจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา