อย่าเสียคนเมื่อยามชรากับการพนัน

ที่มา : เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ 


อย่าเสียคนเมื่อยามชรากับการพนัน thaihealth


แฟ้มภาพ


“สำหรับคนแก่ที่เสียคนไปแล้วเพราะการพนัน เราคงทำอะไรไม่ได้ ต้องปล่อยให้ ผลพวงจากการกระทำของตนเองเป็น ตัวตัดสิน แต่กลุ่มคนที่เราสามารถช่วยเหลือ คุ้มครองป้องกันได้ก็คือเด็กและเยาวชนซึ่งเป็นสิ่งมีค่ายิ่งของสังคมเรา…..”


ข่าวคราวเรื่องการ ต้มตุ๋น คนมีความรู้ จำนวนมากเป็นเงิน ไม่ต่ำกว่า 400-500 ล้านบาท โดยคนที่มีความรู้เช่นกัน อีกทั้งมีฐานะในสังคมเป็นครูบาอาจารย์ อดีตเป็นผู้บริหารระดับสูงของมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงและ เก่าแก่ที่สุดของประเทศได้สร้างความงุนงงให้แก่คนเดินดินกินข้าวแกงว่ามันเกิดอะไรขึ้น จนทำให้สถาบัน "ผู้สูงอายุ" และสถาบัน "อาจารย์ดอกเตอร์ "สั่นคลอน ผู้เขียนไม่รู้จักอาจารย์วัยเหยียบ 80 ปีท่านนี้เป็นส่วนตัว แต่เคยได้ยินชื่อเสียง มายาวนานว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องคอมพิวเตอร์ในยุคแรกของไทยคนหนึ่ง จบปริญญาเอกด้านคอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยมีชื่อของอังกฤษ เคยเป็นผู้อำนวยการสำนักทะเบียนและประมวลผลของสถาบันการศึกษาเก่าแก่แห่งนี้มายาวนาน ก่อนที่จะหันไปเป็น ผู้บริหารสหกรณ์ออมทรัพย์ของมหาวิทยาลัย วงการสหกรณ์ออมทรัพย์ของบ้านเรารู้จัก ชื่อเสียงเป็นอย่างดี ทั้งในเรื่องฝีมือการบริหาร และความชื่นชอบการพนันเป็นพิเศษ หลังการจับกุมก็สารภาพว่าสาเหตุของปัญหาคือการพนัน แต่ดูแล้วจะยังหยิ่ง ๆ ว่าไม่ได้โกงแต่จะคืนทรัพย์ให้ เพียงแต่ อาจได้ "ไม่ครบ"(คือคืนให้ได้ 10% !!) ไม่เห็นว่า จะสำนึกว่าคดโกงเพื่อนและ ต้มตุ๋นคนที่ ให้เกียรติไว้วางใจแต่อย่างใด ผู้เขียนสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษเพราะ ไม่น่าเชื่อว่าคนในวัย 80 ปี มีการศึกษาดีมากมีความรู้ความสามารถ ผ่านประสบการณ์ชีวิต มายาวนานอย่างน่าเป็นแบบอย่างที่ดีให้ ลูกหลานก่อนที่จะจากไปในไม่กี่ปีจะ ขาดวุฒิภาวะได้ขนาดนี้ สาเหตุขั้นต้นสุด ที่เชื่อว่าไม่น่าจะผิดก็คือความโลภและ เมื่อเสริมด้วยความชอบการพนันจนน่าจะอยู่ ในขั้นเสพติดจนมีปัญหาการเงิน


ผู้เขียนค้นคว้าพบข้อมูลเรื่องการพนันในจุลสารชื่อ "ทันเกม" ออกโดยศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน ของคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (มันช่างเป็นสิ่งที่ ฝรั่งเรียกว่า irony หรือแย้งกันอย่างประชดประชันเสียนี่กระไร) สนับสนุนโดย สสส. และหนังสือชื่อ "เยาวชนกับการพนัน" (ผศ. พญ.สุพร อภินันทเวช) / "แกะรอยหยักสมองมองผลกระทบของการพนัน" (ผศ. พญ.พรจิรา ปริวัชรากุล และบทสัมภาษณ์) และ "แกะรอยผลกระทบของการพนัน" สิ่งที่เขียนต่อไปนี้นำมาจากข้อมูลในสิ่งพิมพ์ดังกล่าว การพนันเป็นสิ่งคู่กับมนุษย์นับย้อนหลัง ไปได้ไม่ต่ำกว่า 5,000 ปี คนจำนวนมาก เล่นการพนันเพื่อความสนุกสนาน แต่มีบางส่วน ที่เป็นโรคติดการพนัน (Pathological Gambling) เกณฑ์การวินิจฉัยของสมาคมจิตแพทย์อเมริกันซึ่งใช้เป็นเกณฑ์มาตรฐานอ้างอิงของวงการแพทย์ทั่วโลกระบุว่า หากมีอาการต่อไปนี้มากกว่า 5 ข้อขึ้นไป ถือว่าอยู่ในขั้นติดการพนัน และหากมี 4 ข้อลงมา ก็พึงระวังว่ามีโอกาสเสี่ยง (1) หมกมุ่นอยู่กับการเล่นพนัน เช่น คิดถึงแต่การเล่นพนันที่ผ่านมา วางแผนหรือหาทางที่จะไปเล่นพนันอีก (2) ต้องการเล่นพนัน และใช้เงิน หรือทรัพย์สินเพื่อไปเล่นพนันมากขึ้นเรื่อย ๆ (3) ไม่สามารถหยุดการเล่นพนันได้ หรือพยายามจะเลิกเล่นก็ทำไม่ได้ (4) มีอาการหงุดหงิด กระวนกระวายถ้าหยุดเล่น (5) ใช้วิธีเล่นการพนันเพื่อหลบหนีปัญหาหรือความไม่สบายใจบางอย่าง (6) เมื่อเสียพนัน ก็พยายามจะเล่นใหม่เพื่อเอาคืน (7) โกหกคนในครอบครัว เกี่ยวกับการ เล่นพนัน (8) ทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย เช่น ปลอมแปลง ฉ้อโกง โจรกรรม ยักยอกเงิน เพื่อนำมาเล่นการพนัน (9) ทำตัวเป็นอันตรายต่อตนเองหรือผู้อื่น เสียหน้าที่การเงิน การเรียน หรือเสียความสัมพันธ์กับบุคคลรอบข้าง (10) ต้องพึ่งพาผู้อื่นเกี่ยวกับเรื่องเงินทอง เพราะปัญหาจากการพนัน มีผู้ศึกษาสาเหตุของการเกิดโรคติดการพนันไว้มาก ซึ่งพอสรุปได้ดังต่อไปนี้ (1) พันธุกรรม การศึกษาพบว่ามนุษย์มียีนบางตัวที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงในการเป็นนักการพนัน เช่น dopamine D2 receptor gene คนที่ติดพนันส่วนใหญ่มักมียีนตัวนี้


ปัจจุบันงานวิจัยพบว่าคนที่มี "อุบัติเหตุทางสมอง" เช่น คลอดออกมาแล้วหัวโดนบีบ โดนกระแทกอย่างแรง แม่ดื่มเหล้า แม่ใช้ยาเสพติดขณะท้อง เด็กเหล่านี้อาจมีไอคิว ที่ต่ำกว่าปกติ เมื่อโตขึ้นพบกับสิ่งที่มากระตุ้นก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นนักการพนันมากกว่าเด็กทั่วไป


(2) สิ่งแวดล้อม การคุ้นเคยกับการพนัน แต่ยังเด็ก จากสิ่งแวดล้อมทางสังคม โดยเฉพาะ ทางครอบครัว มีผลอย่างมากต่อการเป็น นักพนัน การเห็นพ่อแม่เล่นการพนันเป็นเรื่อง ปกติประจำวัน ไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนในเรื่องความถูกต้องทางจริยธรรม และได้รับ อิทธิพลจากเพื่อนตอนวัยรุ่น ล้วนสร้างความเสี่ยงเป็นโรคติดการพนัน การที่ใช้คำว่า "ความเสี่ยง" อยู่บ่อย ๆ ก็เพราะไม่จำเป็นว่าภายใต้เงื่อนไขข้างต้นจะต้องเป็นนักพนันเสมอไป งานศึกษาในเรื่องการพนันพบว่า คนเป็นโรคติดการพนันมักมีโรคจิตเวช อย่างอื่นรวมอยู่ด้วย เช่น โรคทางด้านอารมณ์ (มีความสามารถในการควบคุมอารมณ์ของตนเองต่ำ เช่นในเรื่องการอดทนรอคอย การควบคุมความต้องการของตนเอง ฯลฯ) มีงานวิจัยพบว่าในจำนวนคนเล่นการพนัน 61% เป็นคนชอบดื่มแอลกอฮอล์ 15% ใช้สารเสพติด 32% เคยเป็นโรคซึมเศร้า วงจรอุบาทว์ของการพนันที่เราเห็นกันทั่วไปก็คือ (1) เล่นพนันชนิดเป็นยาเสพติด(2) เมื่อเสียพนันก็หน้ามืด ต้องกลับไปแก้ตัว (3) เสียการพนันหนักเข้าจนนำไปสู่ปัญหาการเงิน (4) เมื่อไม่มีหนทางแก้ไขเรื่องเงินก็ต้องกระทำสิ่งที่ผิดกฎหมายและศีลธรรม เพื่อหาเงินไปเยียวยาสถานะและเพื่อกลับไปแก้มือ และก็จะยิ่งเสียหนักขึ้น (5) มีปัญหาชีวิต โดยเฉพาะเรื่องครอบครัวและการเงิน (6) เล่นพนันหนักมือยิ่งขึ้น


สำหรับคนแก่ที่เสียคนไปแล้วเพราะการพนัน เราคงทำอะไรไม่ได้ ต้องปล่อยให้ ผลพวงจากการกระทำของตนเองเป็น ตัวตัดสิน แต่กลุ่มคนที่เราสามารถช่วยเหลือ คุ้มครองป้องกันได้ก็คือเด็กและเยาวชนซึ่งเป็นสิ่งมีค่ายิ่งของสังคมเรา เราต้องช่วยกันกำจัดและควบคุม สิ่งแวดล้อมด้านการพนันที่อยู่รอบตัวเรา เช่น การพนันออนไลน์ พนันบอล ชิงโชค "ชาเขียว" เล่นหวยใต้ดิน ฯลฯ เพราะเป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ที่ยังไม่เสียคนเช่นเรา


ความมั่งมีเกิดขึ้นจากการหาเงินและการเก็บออมส่วนหนึ่งไว้เพื่อความมั่นคงและเพื่อนำไปลงทุนให้งอกเงยยิ่งขึ้น การพนันคือสิ่งที่บ่อนทำลายกระบวนการนี้อย่างร้ายแรงและอาจนำไปสู่ปัญหาชีวิตและการงานได้อีกมากมาย

Shares:
QR Code :
QR Code