“อนาคตของชาติ” น่าห่วงริเป็นนักสูบหน้าใหม่
ชี้เยาวชนช่วยกันเผาผลาญค่าบุหรี่ 20.3 ล้านบาทต่อปี
เมื่อคุณได้รับตำแหน่งนางงาม (ไม่ว่าจะเวทีใด) คำตอบที่คุณจะต้องตอบเป็นอัตโนมัติ คือ “ดิฉันรักเด็กค่ะ และในช่วงที่รับตำแหน่งนี้จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยการช่วยเหลือโครงการเด็กกำพร้า เด็กพิการซ้ำซ้อน และสิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่เกี่ยวกับเด็กค่ะ”
แต่ ณ วันนี้ โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส คนล่าสุดน้องแก้ม-กวินตรา โพธิจักร อายุ 22 ปี นักศึกษาปี 2 คณะนิเทศศาสตร์ สาขาประชาสัมพันธ์ ม.กรุงเทพฯ ได้ฉีกคำตอบเชยๆ ในอดีต เพราะเธอตอบว่า อยากช่วยรณรงค์เรื่องบุหรี่และสุรา อันตรายของสตรีและโครงการเกี่ยวกับคนชรา!!!
แต่ไม่ใช่เพราะเธอไม่ให้ความสำคัญกับตัวเด็ก แต่สิ่งที่เป็นมารผจญที่คอยหลอกล่อให้ผ้าขาวต้องเปื้อนไปมันสำคัญกว่านั่นเอง
ความเชื่อนี้ไม่ใช่เพียงความรู้สึกของเธอเท่านั้น เพราะจากข้อมูลของศูนย์เครือข่ายวิชาการเพื่อสังเกตการณ์และวิจัยความสุขชุมชน (Academic Network for Community Happiness Observation and Research, ANCHOR) มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ที่เพิ่งเปิดข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับการสำรวจ เรื่องโครงการเฝ้าระวังรักษาคุณภาพเด็กและเยาวชนไทยและทัศนคติต่อการปกครองแบบประชาธิปไตย กับเด็กและเยาวชนไทยอายุระหว่าง 10-24 ปี ทั่วประเทศทั้งในเขตเทศบาลและนอกเขตเทศบาลใน 15 จังหวัดของประเทศ เมื่อ 1 กุมภาพันธ์ – 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา
“สิ่งที่น่าห่วงคือ เด็กและเยาวชนมีการใช้สารเสพติดต่างๆ เป็นประจำในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา โดยชนิดสิ่งเสพติดที่พบว่าเสพมากที่สุดกว่า 95.5% คือ บุหรี่ รองมาถึงเป็นยาบ้า สุรา ยาไอซ์ กัญชา กระท่อม ยาแก้ไอ ยาอี ยาเลิฟ สารระเหย ฯลฯ”
สอดคล้องกับข้อมูลของนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยมหิดลที่พบในการสำรวจเด็กไทยในช่วงปี 2549 ในช่วงอายุระหว่าง 13 – 17 ปี พบว่า วัยรุ่นไทยทั้งชายและหญิงสูบบุหรี่เพิ่มมากขึ้น โดยวัยรุ่นชายมีอัตราการสูบบุหรี่เพิ่มขึ้นจาก 20.3% เป็น 27.8% และวัยรุ่นหญิงเพิ่มจาก 1.5% เป็น 2.3%
หรือแม้แต่ตัวเลขจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ที่สำรวจพฤติกรรมการสูบบุหรี่ของประชากรไทย พ.ศ.2550 ที่พบว่าจำนวนผู้สูบบุหรี่เป็นประจำในปี พ.ศ.2550 มี 9.48 ล้านคน ลดลงจากปี พ.ศ.2549 ประมาณ 5 หมื่นคน
แต่ข่าวร้ายที่เหมือนข่าวดีนี้คือ ในทางตรงข้ามสถิติการสูบบุหรี่ของเยาวชนไทยกลับเพิ่มสูงขึ้น โดยเยาวชนอายุ 11-14 ปี มีจำนวน 7,335 คน ที่สูบบุหรี่เป็นประจำ คิดเป็น 0.18% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2549 เท่ากับ 38.46% สำหรับกลุ่มอายุ 15-18 ปี มีจำนวน 228,219 คน ที่สูบบุหรี่เป็นประจำ คิดเป็น 5.03% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2549 เท่ากับ 12.72% ส่วนเยาวชนอายุระหว่าง 19-24 ปี มีจำนวน 1,042,502 คน ที่สูบบุหรี่เป็นประจำคิดเป็น 17.37% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2549 เท่ากับ 10.52%
นอกจากเรื่องของสุขภาพที่จะต้องขุ่นมัว เผาไปกับบุหรี่ตายผ่อนส่งแล้วพวกเขายังได้เผาเงินไปพร้อมกับบุหรี่วันละ 12.58 บาท เท่ากับในแต่ละปีมีเยาวชนช่วยกันเผาผลาญเป็นค่าบุหรี่ไปถึง 20.3 ล้านบาท!!!
สาเหตุของการตกเป็นทาสยาเสพติด โดยเฉพาะปราการด่านแรกอย่างบุหรี่นั้นคงหนีไม่พ้นเรื่องของการอยากรู้อยากลองตามนิสัยของวัยรุ่น หรือการเลียนแบบความเคยชินกับพฤติกรรมของเพื่อน ผู้ปกครองที่สูบบุหรี่ให้เห็นจนเป็นเรื่องธรรมดา หรือแม้แต่การโฆษณาชวนเชื่อในรูปแบบอื่นๆ ที่พยายามลักลอบดำเนินการเพื่อกลุ่มเป้าหมายที่เป็นสิงห์อมควันหน้าใหม่ให้ได้
วันงดสูบบุหรี่โลกคือวันที่ 31 พฤษภาคมของทุกปีที่จัดงานรณรงค์กิจกรรมต่างๆ ก็เดินหน้าต่อไปทุกปี หน่วยงานที่ทำหน้าที่อย่างมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ และพันธมิตรอย่างสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ก็คงทำหน้าที่รณรงค์กันต่อไป ด้วยแก่นหลักคือการรณรงค์ไม่ให้เยาวชนของไทยตกเป็นทาสยาเสพติดเหล่านี้
แต่จะทำอย่างไรได้ ฝ่ายรณรงค์ก็ทำหน้าที่ไป และจะไม่เกิดประโยชน์ใดๆ เลยถ้าทุกฝ่ายไม่ร่วมมือกัน โดยเฉพาะฝ่ายที่เป็นตัวแทนของประชาชน อย่างดารา นักร้อง ศิลปิน อยู่ในจุดที่สปอตไลท์ฉายส่อง เด็กๆ และเยาวชนอยากเลียนแบบ จึงเป็นเรื่องง่ายที่พวกเขาจะเลียนแบบในสิ่งดี ดังนั้นจึงอยากเสนอให้ดารา นักแสดง หรือผู้กำกับ ไม่สร้างหนังที่มีฉากสูบบุหรี่ รวมถึงทำตัวเป็นแบบอย่างไม่สูบบุหรี่ ขณะเดียวกันรัฐบาลก็เร่งปราบปรามบุหรี่เถื่อนรสผลไม้ที่ชวนเชื่อให้เยาวชนหลงเข้ามาในกับดักด้วย
ที่สำคัญ กลับไปยังจุดที่เป็นสถาบันที่เล็กที่สุดแต่สำคัญที่สุด อย่างครอบครัว ก็ควรเป็นบ้านปลอดบุหรี่ด้วยเช่นกัน
ถึงขณะนี้แล้ว ต้องอาศัยพลังสามัคคีเท่านั้นที่จะช่วยลูกหลานของเราได้ ถ้าไม่เริ่มจากตัวเองใครจะทำเพื่ออนาคตของชาติ
เรื่องโดย : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
ที่มา : หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
ภาพประกอบ : อินเตอร์เน็ต
Update : 27-08-51