ห้ามโฆษณาเหล้าเกิดความชัดเจน
นักวิชาการ หนุน ครม.ออกกฎกระทรวงโดยเร็ว
นักวิชาการ จี้ “มาร์ค” ประชุมครม.อังคารนี้ เร่งออกกฎกระทรวง แก้ปัญหาความไม่ชัดเจนโฆษณาเหล้า-เบียร์ เหตุที่ผ่านมาโฆษณาโจ่งแจ้ง ไม่เกรงใจกฎหมาย พบทำผิดโผล่ช่องทางสื่อ นสพ. นิตยสาร เว็บไซต์เพียบ
ดร.ปาริชาติ สถาปิตานนท์ อาจารย์คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะผู้ประสานงานเครือข่ายนักวิชาการเพื่อเฝ้าระวังปัญหาแอลกอฮอล์ กล่าวถึงกรณีที่จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาวาระการออกกฎกระทรวงเรื่อง การห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตามมาตรา 32 ของ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ปี 2551 ในวันอังคารที่ 23 มี.ค. นี้ ว่า ควรมีการออกกฎกระทรวง เพื่อกำหนดรายละเอียดการโฆษณาและการทำการตลาดของบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตามมาตรา 32 ของ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ปี 2551 เพื่อให้เกิดความชัดเจน เพราะตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ยังไม่มีความชัดเจนในทางปฏิบัติว่ารัฐบาลจะออกกฎกระทรวง ทั้งที่ผ่านขั้นตอนต่างๆ ของคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยมี รมว.สธ. เป็นประธาน และคณะกรรมการนโยบายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มี พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ เป็นประธาน รวมถึงการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ผ่านการเห็นชอบแล้ว รอเพียงนายกรัฐมนตรีลงนามเพื่อให้มีผลบังคับใช้เท่านั้น
ดร.ปาริชาติ กล่าวว่า ที่ผ่านมาในช่วงที่ยังไม่มีกฎกระทรวง มีการตีความที่แตกต่างกัน บางคนอาจมองว่าสามารถโฆษณาได้อย่างเสรี จึงทำให้กลุ่มธุรกิจแอลกอฮอล์โฆษณาอย่างโจ่งแจ้งทำให้เป็นช่องว่างในการโฆษณาที่เพิ่มขึ้น เพราะหากดูข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ปี 2552 ที่สำรวจและรับเรื่องการร้องเรียนจากประชาชน ที่มีการกระทำผิดพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ดังนี้ หนังสือพิมพ์ 2,308 ครั้ง นิตยสาร 1,179 ครั้ง และอินเทอร์เน็ต 5,729 ครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการกระทำผิดด้านการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ที่ยังมีการแสดงภาพผลิตภัณฑ์และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายในรูปแบบต่างๆ ผ่านสื่อและกิจกรรมกลางแจ้งอีกจำนวนมาก
“หากยังไม่มีการออกกฎกระทรวง เพื่อป้องกันกลุ่มธุรกิจไม่ให้มีการโฆษณาเหล้า-เบียร์ ต่อไปจะส่งผลกระทบหลายด้าน โดยเฉพาะนักดื่มหน้าใหม่ที่เป็นกลุ่มเยาวชน เพราะที่ผ่านมามีการทำโฆษณาทั้งรูปแบบการจัดคอนเสิร์ต กีฬา หรือกิจกรรมกลางแจ้ง ซึ่งการจัดกิจกรรมแต่ละครั้งมีการตั้งบูธ โดยธุรกิจแอลกอฮอล์ให้การสนับสนุน เพียงเพื่อหวังสร้างภาพลักษณ์และผลกำไรเท่านั้น อีกทั้งในงานมีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ร่วมอยู่ด้วย ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ มากมาย โดยที่ผู้จัดงานกิจกรรม ไม่เคยรับผิดชอบกับปัญหาอุบัติเหตุที่จะตามมา” ดร.ปาริชาติ กล่าว
ที่มา : สำนักข่าว สสส.
Update 22-03-53
อัพเดทเนื้อหาโดย : อารยา สิงห์สวัสดิ์