ห่วงเด็กจมน้ำวันลอยกระทง

ที่มา : เว็บไซต์แนวหน้าออนไลน์


ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ


ห่วงเด็กจมน้ำวันลอยกระทง  thaihealth


แฟ้มภาพ


“อธิบดีกรมควบคุมโรค” ห่วงอุบัติเหตุเด็กจมน้ำวันลอยกระทง เผยการเล่นพลุและประทัด ทำให้เกิดการบาดเจ็บรุนแรงและพิการ แนะอย่าเล่นผาดโผน ผู้ปกครองต้องดูแลบุตรหลานใกล้ชิด


นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า เนื่องจากวันที่ 14 พ.ย.นี้ ตรงกับวันลอยกระทง ซึ่งทุกๆปีจะมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุต่างๆ โดยเฉพาะการบาดเจ็บจากการจุดพลุ ประทัด ดอกไม้ไฟ ที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บรุนแรงและความพิการ และอุบัติเหตุจากการจมน้ำที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี


นพ.เจษฎา กล่าวว่า จากข้อมูลโรงพยาบาลเครือข่ายเฝ้าระวังการบาดเจ็บแห่งชาติ 33 แห่ง ซึ่งรวบรวมโดยสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ในช่วง 5 ปี หรือระหว่างปี 2554-2558 พบผู้บาดเจ็บรุนแรงจากพลุ ประทัด ดอกไม้ไฟ ที่มารักษาในโรงพยาบาล 3,326 ราย หรือเฉลี่ยปีละ 665 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิต 10 ราย  เฉพาะช่วงวันลอยกระทง 5 ปีที่ผ่านมา มีผู้บาดเจ็บมากถึง 109 ราย และล่าสุดในปี 2558 มีผู้บาดเจ็บ 532 ราย เสียชีวิต 1 ราย กลุ่มอายุที่พบมากที่สุด คือ 15-19 ปี รองลงมาคือ 60 ปีขึ้นไป และอายุ 20-24 ปี ตามลำดับ ส่วนอวัยวะที่ได้รับการบาดเจ็บมากสุด คือ มือและข้อมือ รองลงมา คือ บริเวณดวงตา และบริเวณศีรษะ ตามลำดับ นอกจากนี้ยังพบว่ามีผู้บาดเจ็บดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ร่วมด้วยถึง 22%


อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวอีกว่า กรมฯมีคำแนะนำ ดังนี้ 1.ไม่ควรเล่นผาดโผน ใกล้วัตถุไวไฟหรือบ้านเรือน 2.ไม่เก็บพลุ ประทัด ดอกไม้ไฟ ไว้ในกระเป๋าเสื้อ กางเกง หรือที่มีอากาศร้อน แสงแดดส่องเพราะจะทำให้เกิดการเสียดสีและระเบิดได้ 3.การเล่นพลุ ประทัด ดอกไม้ไฟของเด็ก จะต้องอยู่ในความดูแลของผู้ปกครองอย่างใกล้ชิด 4.ห้ามพยายามจุดดอกไม้ไฟ หรือพลุที่จุดแล้วไม่ติดหรือไม่ระเบิดอย่างเด็ดขาด และ 5.ควรเตรียมถังน้ำไว้ 1 ถังใกล้ตัวเสมอเวลาเล่น เพื่อใช้ดับเพลิง


"อีกปัญหาที่สำคัญ คือ การจมน้ำ ซึ่งเทศกาลลอยกระทงทุกปี เด็กจะมีความเสี่ยงจมน้ำมากขึ้น เพราะมักจะอยู่ใกล้แหล่งน้ำเพื่อลอยกระทงทำให้เสี่ยงที่จะลื่นและพลัดตกได้ เหตุการณ์ที่มักพบเห็นกันบ่อยๆ คือ การลงไปเก็บเงินในกระทง ขณะที่กลุ่มผู้ใหญ่ความเสี่ยงจะเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากมีการดื่มสุราร่วมด้วย ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา หรือปี 2549-2558 ช่วงเทศกาลลอยกระทง 3 วัน คือ ก่อนวันลอยกระทง วันลอยกระทง และหลังวันลอยกระทง มีคนจมน้ำเสียชีวิตมากถึง 438 คน โดยเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ถึง 129 คน เฉพาะในวันลอยกระทงวันเดียวมีคนจมน้ำเสียชีวิตสูงถึง 172 คน แยกเป็นเด็ก 59 คน เฉลี่ยวันละเกือบ 6 คน มากกว่าในช่วงวันปกติเกือบ 2 เท่า นอกจากนี้ยังพบว่าเป็นชายมากกว่าหญิงประมาณ 2 เท่า และกลุ่มอายุที่พบมากสุด คือ 5-9 ปี" นพ.เจษฎา กล่าว


สำหรับคำแนะนำ คือ ผู้ปกครองควรดูแลเด็กอย่างใกล้ชิดไม่ให้คลาดสายตา และเพิ่มความระมัดระวังเมื่อนำเด็กเข้าใกล้แหล่งน้ำ โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีต้องอยู่ในระยะที่มองเห็นและเข้าถึง ที่สำคัญไม่ปล่อยให้เด็กไปลอยกระทงกันเองตามลำพังแม้จะอยู่บนฝั่งเพราะอาจพลัดตกหรือลื่นได้ และไม่ควรให้เด็กลงเก็บกระทงหรือเก็บเงินในกระทงเด็ดขาด เพราะเด็กอาจจมน้ำและเสียชีวิตได้ เนื่องจากเป็นตะคริวเพราะอยู่ในน้ำเป็นนานและอากาศหนาวเย็นด้วย ส่วนในกลุ่มผู้ใหญ่ควรหลีกเลี่ยงการดื่มสุราและลงน้ำ หากมีการโดยสารเรือให้สวมเสื้อชูชีพทุกครั้งทั้งผู้ใหญ่และเด็ก 


ส่วนหน่วยงานที่จัดเตรียมพื้นที่สำหรับให้ประชาชนไปลอยกระทง มีข้อแนะนำ ดังนี้ 1.ควรกำหนดพื้นที่ในการลอยกระทง ทำรั้วหรือสิ่งกั้นขวางเพื่อป้องกันเด็กตกน้ำ และควรมีผู้ดูแลตลอดเวลา 2.เตรียมอุปกรณ์ช่วยคนตกน้ำไว้ใกล้แหล่งน้ำเป็นระยะๆ ที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย เช่น ถังแกลลอน เชือก ไม้ 3.ติดป้ายคำเตือนไว้ในพื้นที่เสี่ยงหรือที่ห้ามลงไปลอยกระทง 4.ผู้จัดการพาหนะในการเดินทางทางน้ำต้องเตรียมชูชีพสำหรับผู้โดยสารให้ครบทุกคน และต้องไม่บรรทุกผู้โดยสารหรือน้ำหนักเกินจำนวน


หากประชาชนพบเห็นผู้ได้รับบาดเจ็บ ขอให้รีบโทรแจ้งขอความช่วยเหลือจากทีมแพทย์กู้ชีพ โทร.1669 และสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422

Shares:
QR Code :
QR Code