ห่วงอันตราย“ฟ้าผ่า” ช่วงพายุฤดูร้อน

ที่มา : เว็บไซต์กระทรวงสาธารณสุข


ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ


ห่วงอันตราย“ฟ้าผ่า” ช่วงพายุฤดูร้อน thaihealth


แฟ้มภาพ


“กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข” เตือนประชาชนให้ระมัดระวังการถูกฟ้าผ่าในช่วงฝนฟ้าคะนองที่เกิดจากพายุฤดูร้อน ข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา ปี 2559 ที่ผ่านมา พบผู้บาดเจ็บรุนแรงจากการถูกฟ้าผ่า จำนวน 18 ราย และในจำนวนนี้เสียชีวิต 6 ราย(เสียชีวิตถึง 1 ใน 3) ผู้บาดเจ็บส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กและเยาวชนถึงร้อยละ 50 ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงอยู่กลางแจ้งขณะฝนตกฟ้าคะนอง และห้ามใช้อุปกรณ์ที่เป็นสื่อนำไฟฟ้า เช่น โทรศัพท์มือถือ


นายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค  กล่าวว่า ช่วงนี้สภาพอากาศแปรปรวน บางพื้นที่มีอากาศร้อนสลับฝนตกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งฝนตกในช่วงนี้จะมีลมกระโชกแรงและมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้ ประชาชนจึงควรเพิ่มความระมัดระวัง จากข้อมูลการเฝ้าระวังการบาดเจ็บรุนแรงจากการถูกฟ้าผ่า โดยสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ร่วมกับโรงพยาบาลเครือข่ายการเฝ้าระวังการบาดเจ็บแห่งชาติ 9 แห่ง มีรายงานผู้บาดเจ็บรุนแรงจากฟ้าผ่า ในปี 2559 ที่ผ่านมา จำนวน 18 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิต 6 ราย  ผู้บาดเจ็บส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กและเยาวชน ร้อยละ 50 รองลงมาเป็นเกษตรกรรม ร้อยละ 22 ส่วนสถานที่ส่วนใหญ่เป็นบริเวณนา ไร่ สวน ร้อยละ 56 ถนนหรือทางหลวง ร้อยละ 28 และบ้าน ร้อยละ 6  ช่วงเวลาเกิดเหตุส่วนใหญ่เป็นช่วงบ่ายถึงเย็น(13.00-17.59) ร้อยละ 72 


ซึ่งข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลจากโรงพยาบาลเครือข่ายในระบบเฝ้าระวัง 9 แห่งเท่านั้น ยังมีผู้ถูกฟ้าผ่าที่เสียชีวิตทันที หรือบางรายบาดเจ็บไม่รุนแรง ไม่ได้มาโรงพยาบาลอีกเป็นจำนวนมาก โดยมีสาเหตุจากหัวใจหยุดเต้นด้วยกระแสไฟฟ้าแรงสูง ช็อกทันที แม้บางครั้งฟ้าผ่าไม่ถูกคน แต่ก็เป็นอันตรายได้หากอยู่ใกล้สิ่งที่ฟ้าผ่า กระแสไฟจากสิ่งที่ฟ้าผ่าอาจพุ่งเข้าสู่คนที่อยู่ใกล้ได้หลายทาง เช่น ผ่านเสื้อผ่าหรือตัวที่เปียก โลหะที่ใส่ โครงเสื้อชั้นใน ลวดจัดฟัน สร้อยโลหะ อุปกรณ์โลหะที่ใช้ทำงาน มือถือ เป็นต้น


ดังนั้น การป้องกันอันตรายจากการถูกฟ้าผ่าทำได้ มีดังนี้ 1.หลีกเลี่ยงอยู่กลางแจ้ง ในขณะฝนตกฟ้าคะนอง หรือสวมใส่อุปกรณ์ที่เป็นสื่อนำไฟฟ้าทั้งทองคำ เงิน ทองแดง นากและสร้อยโลหะ หากจำเป็นต้องอยู่ในที่โล่งแจ้งควรนั่งยอง ย่อตัวให้ต่ำและชิดกับพื้นให้มากที่สุด แต่ไม่ควรนอนราบกับพื้น รวมทั้งหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ต้นไม้สูง เสาไฟฟ้า ป้ายโฆษณา เพราะฟ้าผ่าลงที่สูง 2.ห้ามอยู่ใกล้หรือใช้อุปกรณ์ที่เป็นสื่อนำไฟฟ้า เช่น เครื่องมือการเกษตร โทรศัพท์มือถือ และโทรศัพท์สาธารณะ เพราะอุปกรณ์เหล่านี้มีส่วนประกอบที่เป็นแผ่นโลหะ สายอากาศและแบตเตอรี่ที่เป็นตัวล่อไฟฟ้าจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกฟ้าผ่าได้ 3.ควรหลบในอาคารที่ติดตั้งสายล่อฟ้า จะช่วยป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่าได้


ไม่ควรใช้โทรศัพท์ เปิดคอมพิวเตอร์ เล่นอินเตอร์เน็ต ดูโทรทัศน์ ฟังวิทยุ หรือยู่ใกล้ประตู หน้าต่างที่มีส่วนประกอบเป็นโลหะในขณะฟ้าร้อง ฟ้าผ่า 4. หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด เพราะกระแสไฟจากฟ้าผ่าอาจไหลผ่านเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือสื่อไฟฟ้าต่างๆ ทำให้เกิดอันตรายขึ้นได้ และ 5.กรณีอยู่ในรถ ควรปิดกระจกทุกบาน หากฟ้าผ่าลงรถควรตั้งสติ ไม่ควรออกจากรถโดยเด็ดขาด เพราะกระแสไฟฟ้าที่ไหลตามผิวโลหะของตัวถังรถจะไหลลงสู่พื้นดิน หากออกนอกรถจะมีความเสี่ยงที่จะถูกฟ้าผ่าสูง ที่สำคัญอย่าสัมผัสส่วนที่เป็นโลหะ 


นายแพทย์เจษฎา กล่าวอีกว่า สำหรับการช่วยเหลือผู้ถูกฟ้าผ่าต้องช่วยอย่างรวดเร็ว โดยประเมินความปลอดภัยของที่เกิดเหตุ และโทรขอความช่วยเหลือจากทีมแพทย์กู้ชีพ โทร 1669 โดยแจ้งข้อมูลผู้ถูกฟ้าผ่าและสถานที่เกิดเหตุ อาจเคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกจากสถานที่โดนฟ้าผ่าไปยังที่ปลอดภัย ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422

Shares:
QR Code :
QR Code