ห่วงพ่นน้ำหมาก ทำผื่นงูสวัดติดเชื้อ

ที่มา : เว็บไซต์เดลินิวส์ออนไลน์


ห่วงพ่นน้ำหมาก ทำผื่นงูสวัดติดเชื้อ thaihealth


แฟ้มภาพ


ผู้ป่วยโรคงูสวัด มักมีอาการเป็นผื่นแผล ปวดแสบปวดร้อน และมีอาการไข้ร่วมด้วย ควรพาไปพบแพทย์จะดีที่สุด เพื่อให้แพทย์ตรวจวินิจฉัยและรักษาอาการไม่ให้ลุกลาม ที่สำคัญไม่ควรพ่นน้ำหมาก หรือทาลงบนแผลโดยตรง เพราะอาจเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียจนส่งผลทำให้แผลหายช้า และยังอาจก่อให้เกิดแผลเป็นอีกด้วย


นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวถึงโรคงูสวัดที่ขึ้นบริเวณศีรษะกกหูและลำคอ แต่ผู้ป่วยไม่ไปพบแพทย์กลับรักษาโดยการพ่นน้ำหมากใส่จนเกิดการลุกลาม ว่าการพ่นหรือทาน้ำหมากตามความเชื่อนั้น ไม่ได้ทำให้โรคหายเร็วขึ้น แต่การรักษาที่ถูกต้องคือ การฉีดยาลดปวด ยาต้านไวรัส ยาแก้ปวด ยาลดอาการปวดเส้นประสาท และที่สำคัญต้องทำความสะอาดแผล เอาคราบน้ำหมากออกให้หมด อาบน้ำสระผมได้ตามปกติ แต่อย่าใช้ผ้าเช็ดตัวร่วมกับผู้อื่น ทั้งนี้แม้แผลโรคงูสวัสของผู้ป่วยจะดีขึ้น แต่อาจมีอาการปวดเสียวเส้นประสาท เนื่องจากเชื้อตัวนี้เข้าไปอยู่ตามเส้นประสาททำให้เส้นประสาทถูกทำลายไปด้วย


นอกจากนี้ นพ.อารักษ์ ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึงสาเหตุการเกิดโรคงูสวัด ว่า เกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า ไวรัสวาริเซลลา (Varicella Virus) เป็นเชื้อตัวเดียวกับที่ทำให้เกิดโรคสุกใส เมื่อหายจากโรคสุกใสแล้วเชื้อจะไปหลบซ่อนอยู่ในปมประสาทของร่างกาย เมื่อเวลาที่ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำกว่าปกติ เชื้อที่แฝงตัวอยู่ก็จะแบ่งตัวเพิ่มจำนวนทำให้เส้นประสาทอักเสบ เกิดการปวดตามแนวเส้นประสาท และปล่อยเชื้อไวรัสออกมาที่ผิวหนังตามแนวเส้นประสาท


สำหรับอาการของโรคงูสวัด ผู้ป่วยจะปวดแสบร้อนบริเวณผิวหนัง มีผื่นแดงขึ้นตรงบริเวณที่ปวดแล้วกลายเป็นตุ่มน้ำใส มักเรียงกันเป็นกลุ่มหรือเป็นแถวยาว ตามแนวเส้นประสาทและจะแตกออกเป็นแผล ต่อมาจะตกสะเก็ด ส่วนอาการแทรกซ้อนของโรคงูสวัด จะมีอาการปวดตามแนวเส้นประสาทหลังการติดเชื้อ พบได้บ่อยในผู้ป่วยที่อายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป บางรายอาจปวดได้นานหลายปี มีการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำเติม และอาจมีตาอักเสบ แผลที่กระจกตาและภาวะแทรกซ้อนทางหูถ้าขึ้นบริเวณใบหน้า คอ


สำหรับวิธีการรักษาและการปฏิบัติตัวของผู้ป่วย คือ


1. รับประทานยาต้านไวรัสภายใน 48-72 ชั่วโมง หลังเกิดอาการจะช่วยให้รอยโรคทางผิวหนังหายได้เร็วขึ้น และลดความรุนแรงของโรครวมถึงลดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ได้


2. ถ้ามีอาการปวดหลังการติดเชื้อสามารถรับประทานยาพาราเซตามอลแก้ปวด


3. ประคบแผลด้วยน้ำเกลือครั้งละประมาณ 10 นาที 3-4 ครั้ง/วัน จะช่วยทำให้แผลแห้งดีขึ้น


การป้องกันการแพร่กระจายของโรคงูสวัด ควรแยกข้าวของเครื่องใช้ เครื่องนุ่งห่ม ผ้าเช็ดตัว ที่นอนของผู้ป่วยโรคงูสวัดกับเด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่ยังไม่เคยเป็นโรคสุกใสมาก่อน และการป้องกันโรคงูสวัด


ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรคงูสวัด โดยสามารถลดโอกาสการเกิดโรคงูสวัด หรือหากว่าเกิดการติดเชื้อจะสามารถลดความรุนแรงของอาการงูสวัด และอาการปวดหลังการติดเชื้อ แนะนำให้ฉีดในผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 60 ปี

Shares:
QR Code :
QR Code