หยุดความรุนแรง ยุติ ปัญหานักเรียน นักเลง
โถ๋…อนาคตของชาติ…!!!!
ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ตามเทรนด์ ตามแฟชั่น สัก เจาะ ฉีด ตามอวัยวะสำคัญๆ ในร่างกาย พฤติกรรมต่างๆ นาๆ ของวัยรุ่นที่เราพบเห็นกันได้บ่อยๆ เพราะคิดว่ามัน เท่ สวย ดูดี จนไม่คำนึงถึงอันตราย รวมถึงการลอกเลียนแบบพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของบรรดาคนดังทั้งหลาย มันก็ดูเป็นการแสดงออกในทางที่ผิดและเลวร้ายอยู่แล้ว แต่ที่น่าตกใจ… คือ ปัจจุบันพบว่าเหล่าบรรดาวัยรุ่นไทยนิยมความรุนแรงมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด…
จากข่าวคราวผ่านสื่อต่างๆ ที่พบ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเด็กวัยรุ่นชายรุมทำร้ายคู่อริจนบาดเจ็บสาหัส หรือแม้แต่การไม่สมหวังในรัก ก็ถึงกับต้องลงไม้ลงมือ จนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย และที่เป็นข่าวครึกโครมใหญ่โตในหน้าหนังสือพิมพ์เกือบแทบทุกวัน อย่างศึก 2 สถาบันคู่อริ ที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น ที่ล่าสุดยกพวกตะรุมบอนกันที่หน้าห้างสรรพสินค้ามาบุญครองกันอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย สร้างความสลดใจเป็นอย่างมาก…
และนั่นคือสัญญาณที่บ่งบอกได้ว่า…!!!! วัยรุ่นนิยมใช้ความรุนแรงมากขึ้น !!!!
ล่าสุด เอแบคโพลล์ออกมาเปิดเผยว่าเยาวชนไทยนิยมใช้ความรุนแรงสูงถึง 20 เท่า เหตุจากสารเสพติด เหล้า เบียร์ เกมออนไลน์ และรายการทีวี ซึ่งเป็นที่น่าตกใจ…!!!
โดย ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายวิชาการเพื่อสังเกตการณ์และวิจัยความสุขชุมชน หรือ ศูนย์วิจัยความสุขชุมชน มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยว่า จากผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง สถานการณ์การใช้ความรุนแรงในกลุ่มเด็กและเยาวชน พบว่า เด็กและเยาวชน ร้อยละ 91.1 ติดตามข่าวสารเป็นประจำผ่านสื่อโทรทัศน์ รองลงมาคือ ร้อยละ 54.4 ติดตามผ่านทางหนังสือพิมพ์ ร้อยละ 54.2 ติดตามผ่านทางอินเทอร์เน็ต ร้อยละ 32.4 ติดตามผ่านทางวิทยุ
แต่พอถามถึงรายการโทรทัศน์ที่ติดตาม กลับพบว่าเป็นละครโทรทัศน์ ถึงร้อยละ 64.3 รองลงมาคือรายการเพลง ร้อยละ 57.9 รายการข่าว ร้อยละ 55.6 รายการเกมโชว์ ร้อยละ 44.5 รายการวาไรตี้ หรือ ทอล์คโชว์ ร้อยละ 40.3 และรายการการ์ตูน ร้อยละ 34.2
ที่น่าสนใจ…!!! คือ เด็กและเยาวชนเกินครึ่ง หรือร้อยละ 52.2 พบเห็นภาพความรักความอบอุ่นของครอบครัวผ่านรายการโทรทัศน์บ่อยๆ รองลงมาคือ ร้อยละ 40.3 พบเห็นภาพการทำบุญทำทาน กิจกรรมทางศาสนาบ่อยๆ และร้อยละ 39.4 ที่พบเห็นภาพการบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคมบ่อยๆ
แต่ที่น่าเป็นห่วง…เมื่อเด็กและเยาวชนถึงร้อยละ 60.8 พบเห็นภาพการใช้อาวุธ เช่น อาวุธปืน มีด ทำร้ายกันบ่อยๆ รองลงมาคือ ร้อยละ 57.5 พบเห็นภาพการต่อสู้ทำร้ายร่างกายกันบ่อยๆ ร้อยละ 51.4 พบเห็นภาพของสงครามและการฆาตกรรม บ่อยๆ ร้อยละ 49.3 พบเห็นภาพการคุกคามทางเพศ บ่อยๆ ร้อยละ 46.5 พบเห็นพฤติกรรมการพูดจาหยาบคาย ด่าทอ โต้เถียงกัน บ่อยๆ และร้อยละ 39.3 พบเห็นภาพการทะเลาะวิวาทของคนในครอบครัว บ่อยๆ
เมื่อถามถึงกิจกรรมสร้างสรรค์ที่เด็กและเยาวชนทำเป็นประจำในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา พบว่า ร้อยละ 67.9 ระบุเรียนพิเศษ ส่วนกิจกรรมที่ไม่สร้างสรรค์ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 55.0 เล่นเกมคอมพิวเตอร์หรือเกมออนไลน์ประเภทเกมต่อสู้ เช่น ยิงปืน ฟัน เตะ ต่อย ร้อยละ 34.1 ดื่มเหล้า เบียร์ ไวน์ ร้อยละ 25.9 เที่ยวกลางคืน เช่น ผับ ดิสโก้ คาราโอเกะ และที่น่าเป็นห่วง คือ เกือบ 1 ใน 4 หรือร้อยละ 23.7 หนีเรียน ร้อยละ 21.4 เล่นการพนัน ร้อยละ 16.7 เข้าร่วมกับกลุ่มเพื่อนบุกยกพวกตีกัน ร้อยละ 16.7 ทะเลาะวิวาทกับผู้อื่นโดยใช้กำลัง ร้อยละ 13.5 ใช้สิ่งเสพติดประเภทต่างๆ และร้อยละ 14.1 ทะเลาะกับผู้อื่นโดยใช้อาวุธ
และนั่นเป็นตัวบ่งบอกถึงพฤติกรรมเด็กที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปในทางที่แย่ลง
จากการวิเคราะห์ค่าสถิติวิจัยทั้งหมดนี้ ทำให้เห็นพฤติกรรมการใช้ความรุนแรงในกลุ่มเด็กและเยาวชนอย่างชัดเจน ว่าเด็กและเยาวชนที่ใช้สารเสพติดประเภทต่างๆ ไม่นับรวมเหล้า บุหรี่ เบียร์ ไวน์ มีความเสี่ยงในการใช้ความรุนแรงสูงถึงประมาณ 20 เท่า หรือ 19.75 เท่า มากกว่าเด็กและเยาวชนที่ไม่ใช้สารเสพติด
ซึ่งเด็กและเยาวชนที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะเหล้า เบียร์ ไวน์ มีความเสี่ยงในการใช้ความรุนแรงสูงถึง 9.34 เท่า มากกว่ากลุ่มเด็กและเยาวชนที่ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เด็กและเยาวชนที่ติดเกมออนไลน์ เกมคอมพิวเตอร์ประเภทเกมต่อสู้มีความเสี่ยงในการใช้ความรุนแรงสูงถึง 3.43 เท่า มากกว่าเด็กและเยาวชนที่ไม่ติดเกมออนไลน์
ส่วนเด็กและเยาวชนที่พบเห็นภาพการใช้อาวุธทำร้ายกันผ่านรายการโทรทัศน์บ่อยๆ มีความเสี่ยงในการใช้ความรุนแรงสูงถึง 2.26 เท่า มากกว่าเด็กและเยาวชนที่ไม่พบเห็นภาพการใช้อาวุธทำร้ายกันในรายการโทรทัศน์ และส่วนที่พบเห็นการทำผิดกฎหมายของคนในชุมชนที่พักอาศัย มีความเสี่ยงในการใช้ความรุนแรงสูงถึง 1.70 เท่า มากกว่าเด็กและเยาวชนที่ไม่พบเห็นการทำผิดกฎหมายของคนในชุมชน
นอกจากนี้ผลการสำรวจยังพบอีกว่าเด็กและเยาวชนที่พบเห็นภาพการคุกคามทางเพศผ่านรายการโทรทัศน์ มีความเสี่ยงในการใช้ความรุนแรงมากกว่าเด็กและเยาวชนที่ไม่พบเห็นภาพดังกล่าวในรายการโทรทัศน์สูงถึง 1.54 เท่า ที่สำคัญเด็กและเยาวชนที่มีปัญหาครอบครัวมีความเสี่ยงในการใช้ความรุนแรงสูงถึง 1.31 เท่า มากกว่าเด็กที่ไม่มีปัญหาครอบครัว
จะเห็นได้ว่า…ปัจจัยสำคัญอันดับแรกที่มีผลต่อการใช้ความรุนแรงในกลุ่มเด็กและเยาวชนมากที่สุดคือ การใช้สารเสพติดประเภทต่างๆ ตามด้วยการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ติดเกมออนไลน์ รายการโทรทัศน์
นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย การเปลี่ยนแปลงด้านฮอร์โมน โดยเฉพาะฮอร์โมนเพศชาย ที่พบว่า มีผลต่อการแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง ยิ่งมีมากยิ่งก้าวร้าวรุนแรงมากขึ้นตามไปด้วย และที่สำคัญ วัยรุ่นขาดการเห็นคุณค่าในตัวเอง ปัจจัยแวดล้อมภายนอก ได้แก่ สภาพครอบครัว ระบบการศึกษา และสังคม ที่สร้างความกดดันให้กับเด็กหรือวัยรุ่น อาทิ การบังคับหรือลงโทษ กวดขัดอย่างเข้มงวด ปิดกั้นไม่ให้มีอิสระ การถูกตำหนิหรือต่อว่าจากสังคม และการปล่อยปละละเลยทอดทิ้ง ซึ่งทำให้เด็กและวัยรุ่นขาดคนแนะแนวทางชีวิต ขาดที่ยึดเหนี่ยว จึงรวมกลุ่มกันเพื่อยึดเหนี่ยวซึ่งกันและกันอย่างแน่นแฟ้น ต่อต้านสังคม เกิดพฤติกรรมการเลียนแบบกลุ่มในทางที่ไม่เหมาะสมในที่สุด
ซึ่งหน่วยงานรัฐและผู้ใหญ่ในสังคมที่เกี่ยวข้อง จำเป็นต้องรีบเยียวยาปัญหาเหล่านี้ ก่อนที่จะมี “เหยื่อบริสุทธิ์” ของพฤติกรรมการใช้ความรุนแรงจากกลุ่มเด็กและเยาวชนเพิ่มขึ้นอีกมากจนยากจะควบคุมสถานการณ์การใช้ความรุนแรงในสังคมไทยได้
เมื่อปัญหาต่างๆ กำลังทวีความรุนแรงและเพิ่มมากขึ้นทุกวัน เราจะแก้ไขอย่างไรดี? ถึงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
มาตรการป้องกันแก้ไขที่ดี ทุกฝ่ายควรทำไปพร้อมๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ ผู้ปกครอง ก็ต้องคอยพูดคุยกับเด็ก รับฟังปัญหา ให้คำแนะนำ ให้คำปรึกษา และพ่อแม่เองต้องไม่ใช้ความรุนแรงเสียเอง เพื่อตัวเด็กจะได้ไม่เลียนแบบและกลายเป็นเด็กมีปัญหา
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ออกกฎหมายเอง ก็ต้องใช้มาตรการทางกฎหมายที่เด็ดขาดในการลดปัญหาเด็กและเยาวชนที่ใช้อาวุธ ยาเสพติด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างจริงจัง
และที่มีอิทธิพลอย่างมาก คือ สื่อมวลชนเอง….ก็น่าจะลดการนำเสนอภาพการใช้ความรุนแรงในสถานศึกษา และชุมชน แต่ควรมุ่งเน้นการนำเสนอสาระของเหตุการณ์ และข้อคิด เพื่อเตือนให้สังคมเกิดความตระหนักในปัญหาการใช้ความรุนแรงในกลุ่มเด็กเยาวชน
ที่สำคัญถึงเวลาหรือยัง…??? ที่ต้องมีบทลงโทษพ่อ แม่ ผู้ปกครองที่ปล่อยปละละเลยให้เด็กและเยาวชนอยู่บ้าน อยู่กับหน้าจอโทรทัศน์และเกมออนไลน์เพียงลำพัง รัฐบาลเองก็ต้องเข้ามาร่วมสนับสนุนในการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ไม่ใช่เข้ามาแสดงบทบาทตามกระแสเพียงอย่างเดียว พอเรื่องคลี่คลายก็หายไป
แต่อย่างไรก็ตาม หากเด็กและเยาวชนไม่ให้ความร่วมมือ ทุกอย่างก็ “จบ” ทางที่ดีที่สุด “เด็กและเยาวชน” นี่แหละคือกุญแจสำคัญในการแก้ปัญหา!!!!
หยุด!!!…แสดงออกและแก้ปัญญาในทางที่ผิด หยุดใช้ความรุนแรงในการตัดสินปัญหาเสียที แล้วหันมาทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม เพื่อสถาบัน เพื่อคนที่อยู่รอบข้าง และที่สำคัญเพื่อตัวเอง ด้วยการเอาใจใส่การเรียน ใส่ใจสุขภาพโดยการออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมที่สร้างสรรค์กัน มันน่าดีกว่ากันเยอะ…!!!! เมื่อทำได้อย่างนี้สังคมสร้างสรรค์กิจกรรมสร้างสรรค์จะเกิดขึ้น ภาพนักเรียนตีกัน ตัดสินปัญหาด้วยความรุนแรง ก็จะลบไปจากสังคมได้ในไม่ช้า…
….ความรุนแรง ไม่ใช่ทางออกสุดท้ายของการแก้ปัญหา…
ที่มา : ณัฐภัทร ตุ้มภู่ Team Content www.thaihealth.or.th
Update : 20-02-52
อัพเดทเนื้อหาโดย : ณัฐภัทร ตุ้มภู่