หนุน `ชาวบ้านต.ท่าทอง` แก้ปัญหาขยะ
ที่มา : เว็บไซต์เดลินิวส์
ภาพจากเว็บไซต์เดลินิวส์
เทศบาลตำบลท่าทอง ร่วมกับ “สสส.” หนุนชาวบ้านใช้แนวทาง 3R ขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาขยะในชุมชนขยะในพื้นที่ สามารถลดผลกระทบต่อสุขภาพและกลิ่นรบกวนได้
จากกรณี “กรมควบคุมมลพิษ” สรุปผลสำรวจปริมาณขยะมูลฝอยในพื้นที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั่วประเทศพบว่า มีขยะมูลฝอยราว 26.77 ล้านตัน ทั้งนี้ขยะดังกล่าวได้เก็บขนและนำไปกำจัดโดย อปท. ซึ่งกำจัดแบบถูกต้อง 7.2 ล้านตัน กำจัดไม่ถูกต้อง 6.9 ล้านตัน มีขยะที่ได้นำกลับมาใช้ประโยชน์ 5.1 ล้านตัน จึงมีขยะตกค้างอีก 7.6 ล้านตัน แนวโน้มปริมาณขยะจากชุมชนจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ สาเหตุหลักของปัญหาคือ ขาดระบบการจัดการที่ดีตั้งแต่ต้นทาง และขาดการมีส่วนร่วมรับผิดชอบของสมาชิกในชุมชน ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของขยะในครัวเรือน
ในเรื่องนี้ ทางเทศบาลตำบลท่าทอง อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก เล็งเห็นถึงปัญหาสำคัญของขยะเหล่านี้ ซึ่งปัจจุบันในพื้นที่ของเทศบาทตำบลท่าทองมีประชากรในพื้นที่ทั้งสิ้น 12,635 คน จำนวนครัวเรือน 5,303 ครัวเรือน มีหมู่บ้านทั้งหมด 11 หมู่บ้าน ทุกครัวเรือนล้วนต้องทิ้งขยะทุกวัน ทั้งขยะเปียกและขยะแห้ง แต่ไม่มีการคัดแยกอย่างถูกต้อง ขาดการบริหารจัดการขยะอย่างถูกวิธี ส่งผลให้ปริมาณขยะในชุมชนเพิ่มมากขึ้น ก่อให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมตามมา กระทบต่อสุขภาพของประชาชนในหลาย ๆ
ทางเทศบาลตำบลท่าทองจึงร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดหางบประมาณและแนวทางสนับสนุน “โครงการการจัดการขยะในชุมชน” โดยชักชวนชาวบ้านที่ต้องการเข้าร่วมโครงการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาเหล่านี้ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งที่ร่วมสร้างสรรค์ชุมชนแห่งความสุขปลอดขยะ โดยเริ่มจากการสำรวจปริมาณขยะของชุมชน เช่น กองขยะในพื้นที่สาธารณะ และขยะที่กระจัดกระจายในพื้นที่ต่าง ๆ ของหมู่บ้าน ก่อนให้ความรู้และแนะนำแนวทางการจัดการขยะที่ถูกต้องแก่ชาวบ้าน เพื่อให้ประชาชนมีส่วนรับรู้ เข้าใจ และร่วมมือกันจัดการขยะอย่างเหมาะสมด้วยแนวทาง 3R ได้แก่ ลดการใช้ (Reduce) นำกลับไปใช้ใหม่ (Reuse) และรีไซเคิล (Recycle) เพื่อใช้ประโยชน์จากขยะให้ได้สูงสุด และลดปริมาณขยะในชุมชนลง
นายอัมพร มาส้มซ่า อายุ 66 ปี ชาวบ้านบ้านวัดจุฬามณี อยู่บ้านเลขที่ 28/1 หมู่ 2 ต.ท่าทอง กล่าวว่า หลังจากทางเทศบาลตำบลท่าทองได้เข้ามาให้ความรู้กับชาวบ้านเรื่องขยะ และปลูกฝังจิตสำนึกที่ดี ชาวบ้านจึงได้นำขยะมูลฝอยที่มีจำนวนมากในชุมชน จับมาคัดแยกทั้งขยะเศษอาหาร หรือขยะที่เน่าเสียได้ ขยะพิษ ขยะอันตราย ขยะทั่วไป และขยะรีไซเคิล ขยะแบบไหนแยกขายได้ก็จะแยกขายสร้างรายได้ ช่วยลดปริมาณขยะ ส่วนขยะที่เป็นเศษผักเศษอาหารที่เหลือทิ้ง ก็จะนำมาทำน้ำหมักชีวภาพปรับปรุงตามสูตรต่างๆ ผสมเจือจางกับน้ำใช้รดพืชผักสวนครัว ส่งผลให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพปลอดสารพิษ อีกทั้งยังมีการแปรรูปนำขยะมาทำเป็นปุ๋ย โดยเริ่มทดลองใช้ในแปลงสาธิตพื้นที่ 1 ไร่ ทำการเกษตรแบบผสมผสานที่มีแปลงปลูกมะนาว ชะโอม สับปะรด น้อยหน่า ฯลฯ ผลที่ได้รับเมื่อมีโครงการนี้เกิดขึ้นมาทำให้ขยะภายในชุมชนลดลงไปอย่างรวดเร็ว เพราะได้นำขยะที่เหลือทิ้งมาใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย
ส่วน นางอำนวย สุดตรง อายุ 53 ปี ชาวบ้านบ้านวัดจุฬามณี ที่เข้าร่วมโครงการ กล่าวว่า ปกติที่บ้านก็จะทิ้งขยะทุก
วันโดยไม่ได้มีการคัดแยกแต่อย่างใด หลังจากโครงการนี้ได้เข้ามาสร้างความมีส่วนร่วมของสมาชิกชุมชนในการจัดการขยะ ส่งผลให้ครัวเรือนร้อยละ 70 มีการคัดแยกขยะ สามารถนำขยะที่คัดแยกไปจำหน่าย หรือใช้ประโยชน์ได้ร้อย 50 ของปริมาณขยะ นอกจากนี้ได้จัดกิจกรรมสาธิต รณรงค์ กระตุ้นให้มีการคัดแยกขยะ และใช้ประโยชน์จากขยะ จัดให้สมาชิกไปศึกษาดูงาน ตนจึงนำความรู้จากการหมักขยะเปียก ดัดแปลงมาใช้ทำน้ำหมักจากลูกมะกรูด นำมาหมักเพื่อทำเป็นน้ำยาล้างจาน โดยนำผลมะกรูดมาล้างให้สะอาด บีบคั้นเอาแต่น้ำแล้วนำไปหมักเป็นเวลา 3 เดือน ใส่หัวเชื้อน้ำยาล้างจานลงไป ก็จะได้เป็นน้ำยาล้างจานอย่างดี สะอาดไม่มีกลิ่นคาวตกค้าง และที่บ้านของตนยังคัดแยกขยะที่เป็นขวดพลาสติกใส นำมารีไซเคิลเพื่อนำมาเป็นวัสดุที่ใช้ใส่น้ำยาล้างจานจากผลมะกรูดได้อีกต่อหนึ่ง จนได้รับรางวัลด้าน “การจัดการขยะ” ในครัวเรือน
ด้านนายไพศาล นวลทิม รองนายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลท่าทอง กล่าวว่า สาเหตุที่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับขยะในชุมชนเนื่องจาก จุดเริ่มต้นคือปัญหาการจัดเก็บขยะของเทศบาลตำท่าทองมีรถเก็บขยะไม่เพียงพอต่อปริมาณขยะของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งปริมาณขยะของเทศบาลมีจำนวนเยอะมาก จึงได้ทำโครงการร่วม สสส. และบริษัทวงษ์พาณิชย์ ที่เป็นโรงงานคัดแยกขยะเพื่อรีไซเคิล ให้มาสอนวิธีการคัดแยกขยะอย่างไรให้มีคุณค่า จากนั้นจึงได้ตั้งเป้าหมายเริ่มแรกคือ ชาวบ้านจำนวน 80 หลังคาเรือน ให้ทุกบ้านเริ่มคัดแยกขยะจากที่บ้านของตนเองก่อนทิ้ง ขยะแบบไหนขายได้ก็จะให้ขาย พร้อมสนับสนุนให้มีโครงการตลาดนัดของเก่า โดยใช้บริเวณลานวัดจุฬามณีเป็นสถานที่ซื้อขาย มีผู้มารับซื้อขยะถึงที่ ส่วนขยะเปียกที่ขายไม่ได้ ก็จัดตั้งโครงการน้ำหมักจากขยะขึ้นมา โดยการนำเศษกับข้าว เศษผัก เศษผลไม้ มาทำปุ๋ยน้ำหมัก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ปริมาณขยะของเทศบาลท่าทองลดลงจากเดิมอยู่ 8-9 ตัน/วัน หลังจากทำโครงการนี้ขึ้นมาสามารถลดปริมาณขยะลงเหลือ 6-7 ตันเท่านั้น ทำให้รถขยะของเทศบาลให้บริการได้เพียงพอ ไม่มีขยะตกค้างตามบ้านเรือนต่าง ๆ ส่วนชาวบ้านในพื้นที่ก็มีรายได้เสริมจากการคัดแยกขยะ และการใช้ประโยชน์จากปุ๋ยขยะในด้านการเกษตรกรรม สามารถต่อยอดสู่ผลผลิตและบริโภคผักผลไม้ปลอดภัยในครัวเรือนได้อีกด้วย