หนุนร้านอาหารไร้’แอลกอฮอล์’ป้องเยาวชน
แฟ้มภาพ
กระแสการผลักดันร้านเหล้าให้ห่างไกลจากสถานการศึกษาได้รับเสียงสนับสนุนจากสังคมอย่างมากมาย เพราะช่วยลดความเสี่ยงที่อาจจะกระทบปัญหาสังคม เด็กและเยาวชนของชาติได้หลายมิติ นอกจากร้านเหล้ารอบรั้วมหาวิทยาลัยแล้ว หน่วยงานที่ขับเคลื่อนเรื่องนี้ยังขยายผลให้ครอบคลุมไปถึงสถานที่สำคัญต่างๆ อีกด้วย โดยเฉพาะในร้านอาหารต่างๆ ทั่วประเทศให้มีความรับผิดชอบต่อประชาชน ด้วยการงดขายของมึนเมา เพื่อดูแลสุขภาพต่อผู้บริโภคและป้องกันโรคภัยไข้เจ็บที่จะตามมา
เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) และโครงการเทศกาลอาหารปลอดภัยเพื่อสุขภาพ อร่อยได้ ไร้แอลกอฮอล์ ได้จัดเวทีผนึกพลังทางสังคมเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงาน
โดยมีตัวแทนประชาคมผู้ประกอบการร้านอาหารทั่วประเทศ ตัวแทนสำนักงานเทศบาล สาธารณสุข และประชาคมงดเหล้าของจังหวัดต่างๆ เข้าร่วม พร้อมทั้งเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารโภชนาการ สุขภาพ และการท่องเที่ยว เป็นวิทยากร อาทิ "แม่ช้อยนางรำ" หรือนายสันติ เศวตวิมล, อาจารย์สง่า ดามาพงษ์, นพ.วีรฉัตร กิตติรัตนไพบูลย์, นายบรรจบ จันทร์เจริญ, นายสุรพล กำพลานนท์วัฒน์
สำหรับประเทศไทยนั้น มียุทธศาสตร์ที่มุ่งสู่การเป็น "ครัวของโลก" ด้วยความอุดมสมบูรณ์ ความหลากหลายของอาหาร และรสชาติที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก โดยในแต่ละปีมีการจัดงานเทศกาลอาหารทั่วประเทศเป็นจำนวนมาก แต่ที่ผ่านมาคุณค่าและความสำคัญของวัฒนธรรมอาหารได้ถูกลดทอนลง จากการที่ธุรกิจแอลกอฮอล์ใช้เป็นช่องทางการส่งเสริมการตลาด มีเครื่องดื่มมึนเมาจำหน่ายทั่วไป และการดำเนินงานก็ให้คุณค่าและความสำคัญกับคุณภาพทางอาหารลดลง จากวิถีชีวิตที่เร่งรีบ ทำให้การผลิตและการบริโภคอาหารเปลี่ยนแปลงไปโดยไม่คำนึงถึงสุขภาพและความปลอดภัย ก่อให้เกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs-Non Communicable Diseases อาทิ โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ โรคมะเร็ง โรคความดันโลหิตสูง โรคถุงลมโป่งพอง โรคอ้วนลงพุง เป็นต้น
ภาคีเครือข่ายด้านอาหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงร่วมกันแสดงเจตนารมณ์ในการขับเคลื่อนนโยบายอาหารปลอดภัยเพื่อสุขภาพ อร่อยได้ ไร้แอลกอฮอล์ เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงและสร้างเสริมสุขภาพที่ดีให้แก่ประชาชน โดยไม่สนับสนุนให้บริษัทเหล้า เบียร์ บุหรี่ ใช้ช่องว่างทางกฎหมายเพื่อโฆษณาสินค้า หรือกิจกรรมส่งเสริมการขายในพื้นที่ที่จัดเทศกาลอาหาร และร่วมกันส่งเสริมการดำเนินการเพื่อสร้างความปลอดภัยด้านอาหาร (Food Safety)ทั้งสุขาภิบาลอาหาร การใช้สารปรุงแต่งที่ถูกต้อง ปลอดภัย เมนูเพื่อสุขภาพ เกษตรอินทรีย์ การใช้บรรจุภัณฑ์ทางเลือกที่ปลอดภัยต่อสุขภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยไม่ใช้โฟมเป็นภาชนะสำหรับอาหารที่ปรุงแล้ว และร่วมกันสนับสนุนอาหารพื้นบ้าน อาหารพื้นถิ่น ซึ่งสะท้อนถึงวัฒนธรรมการปรุงอาหารที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น ตลอดจนส่งเสริมพื้นที่สร้างสรรค์ให้เด็กและเยาวชนได้เรียนรู้และสืบทอดวัฒนธรรมอาหาร
นายสันติ เศวตวิมล หรือ "แม่ช้อยนางรำ" กล่าวถึงเสน่ห์ของอาหารไทยที่ทำให้อร่อยได้ด้วยการคัดสรรวัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพ ทั้งเนื้อสัตว์ ผัก ต้องสดใหม่ การเลี้ยงด้วยวิธีผิดธรรมชาติ เร่งเนื้อ เร่งการเจริญเติบโต รวมถึงการตัดต่อ ดัดแปลงพันธุกรรมของสัตว์และพืช ทำให้คุณภาพเปลี่ยนไป ทั้งยังมีการใช้สารเคมีเพื่อให้ดูสด
นอกจากนี้ยังต้องให้ความสำคัญกับความสะอาดอย่างยิ่ง รวมถึงต้องศึกษาวิธีการปรุงอาหารด้วยความใส่ใจ และไม่ควรใช้ผงชูรส ซึ่งปัจจุบันมีการพลิกแพลงไปสู่รูปแบบต่างๆ ที่ทำให้เข้าใจว่าไม่ใช่ผงชูรส โดยส่วนใหญ่ใช้กันมากในระดับที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค นอกจากนี้ผู้ประกอบการหลายคนยังมีความเชื่อผิดๆ ว่าเหล้าทำให้อาหารอร่อย
"ผู้ประกอบการร้านอาหารที่ดีต้องมีความรับผิดชอบต่อผู้บริโภค การลดต้นทุนโดยไม่คำนึงถึงคุณภาพอาหารนั้นจะเป็นอันตรายต่อลูกค้าและทำลายตัวเราเองด้วย ในส่วนของผู้บริโภคก็ต้องให้ความสำคัญกับการรับประทานอาหารที่มี
ประโยชน์ต่อสุขภาพ เป็นเรื่องดีที่ สสส.รณรงค์เกี่ยวกับเรื่องอาหารปลอดภัย ลดหวาน มัน เค็ม ลดพุง ลดโรค ตลอดจนลด ละ เลิกเหล้าและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งมีผลกระทบต่อสุขภาพ ทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทและอุบัติเหตุด้วย"
ด้านอาจารย์สง่า ดามาพงษ์ นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ กล่าวว่า เวทีนี้ทำให้เห็นว่าผู้ประกอบการร้านอาหารที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมกำลังร่วมกันขับเคลื่อนประเทศ ด้วยการสร้างความเข้าใจที่ชัดเจนจากจิตสำนึกที่ดีว่า เทศกาลอาหารปลอดภัยเพื่อสุขภาพนั้นไม่จำเป็นต้องมีธุรกิจแอลกอฮอล์เป็นผู้สนับสนุน ทำให้เป็นงานที่มีคุณค่า สร้างค่านิยมใหม่ในการจัดมหกรรมอาหารปลอดเหล้า ปลอดภัย ส่งเสริมวัฒนธรรมอาหารพื้นบ้าน พื้นถิ่น ให้เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัด และเป็นงานที่ผู้คนรอคอย ซึ่งน่าชื่นชมอย่างยิ่งที่ผู้ประกอบการต่างเห็นตรงกันว่าท้องถิ่นต้องเป็นเจ้าของงาน โดยเครือข่ายทุกภาคส่วนเข้ามาร่วมบูรณาการเพื่อให้ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน
น.ส.ณัจยา แก้วนุ้ย ผู้จัดการโครงการเทศกาลอาหารปลอดภัยเพื่อสุขภาพ อร่อยได้ไร้แอลกอฮอล์ให้ข้อมูลว่าโครงการนี้อยู่ภายใต้การสนับสนุนของ สสส.และ สคล.โดยดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง
ตั้งแต่ปี พ.ศ.2552 ร่วมกับผู้ประกอบการร้านอาหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการพัฒนาแนวคิดขับเคลื่อนให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคเพื่อสุขภาพที่ดี ด้วยโภชนาการคุณภาพที่ดีของอาหาร-เครื่องดื่ม สร้างการรับรู้และความเข้าใจเพื่อปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551
โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของเด็กและเยาวชนที่เป็นนักดื่มหน้าใหม่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังมีแนวโน้มจะเป็นนักดื่มประจำเพิ่มมากขึ้น จึงเห็นว่าน่าจะมีการเปลี่ยนจากลานเบียร์ให้เป็นลานวัฒนธรรมอาหาร ส่งเสริมอาหารพื้นบ้าน อาหารท้องถิ่น ภายใต้คำขวัญ "อร่อยได้ ไร้แอลกอฮอล์" ซึ่งประสบความสำเร็จโดยยอดขายไม่ได้ลดลง และมีบรรยากาศการจัดงานแบบครอบครัว ซึ่งให้ความรู้สึกปลอดภัยมากกว่าลานเบียร์ที่มีคนเมา
โครงการจะเน้นการทำงานร่วมกับภาคีในระดับพื้นที่ให้เข้มแข็งและมีบทบาทมากขึ้น โดยจัดตั้งเป็นประชาคมร้านอาหารในจังหวัดนำร่อง 15 จังหวัด เพื่อพัฒนาศักยภาพและยกระดับการขับเคลื่อนงานเชิงบูรณาการการทำงานในเชิงลึกร่วมกับประชาคมงดเหล้าต่อไป
หากร้านอาหารต่างๆ ร่วมรับผิดชอบต่อสังคมโดยงดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็มั่นใจว่าเยาวชนของชาติก็จะห่างไกลจากปัจจัยเสี่ยงรอบตัว.
ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์