หญิง-เด็กไทย โดนทำร้ายพุ่ง 87 รายต่อวัน
“หญิง-เด็ก” ไทย ถูกกระทำรุนแรงเพิ่มขึ้น เฉลี่ย 87 รายต่อวัน พบ 38% ภรรยาถูกสามีทำร้าย มีส่วนหนึ่งเกิดการเก็บกดกลับมาทำร้ายสามีกลับ ขณะที่เวิลด์แบงก์ พบ 1 ใน 5 ของผู้หญิงทั่วโลก เคยถูกทำร้ายร่างกายและล่วงละเมิดทางเพศ เฉลี่ยทุกๆ 15 นาที ถูกข่มขืนถึง 20 ราย…
เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 56 นางวิสา เบ็ญจะมโน ประธานอนุกรรมการปฏิบัติการยุทธศาสตร์ด้านเด็ก สตรี และความเสมอภาคของบุคคล ระบุว่า การกระทำความรุนแรงต่อผู้หญิงที่ชื่อ ภรรยา ไม่ใช่ความรุนแรงธรรมดาที่เพศหญิงต้องยอมรับ แต่เป็นความรุนแรงที่เกิดขึ้นในครอบครัว เป็นความรุนแรงสะสม ซึ่งพบว่าผู้หญิงที่เป็นภรรยา 38% ถูกสามีของตัวเองทำร้ายร่างกายและจิตใจ โดย 38% อยู่ในเขตเมือง และ 39% อยู่ในเขตชนบท และยังมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น ดังนั้น ในฐานะที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนมีหน้าที่ส่งเสริม และสนับสนุนให้เกิดกระบวนการทำงานอย่างบูรณาการ ทุกภาคส่วนจึงจัดเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อนำเสนอต่อหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปสู่ความตระหนักและแก้ไข
นพ.ชาญวิทย์ ทระเทพ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทำความรุนแรงมีมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่สมัยสงครามโลก และเป็นพฤติกรรมที่เรียนรู้ และสืบต่อเนื่องมา ทำให้เกิดวัฒนธรรมความเชื่อว่าตัวเองมีสิทธิในการควบคุมคนอื่น จนกลายเป็นการกระทำความรุนแรง จนเกิดเป็นวัฒนธรรมเชิงอำนาจ โดยการเก็บข้อความความรุนแรงของสหรัฐฯ พบว่า 15% ของผู้ชายทั่วโลก มีการกระทำความรุนแรง โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 67% เป็นกลุ่มผู้ชายที่กระทำความรุนแรงต่อภรรยาและบุตร 23% เป็นกลุ่มผู้ชายที่ไม่ทำความรุนแรงกับภรรยา แต่ชอบหาเรื่องคนอื่น และ 10% ไม่ทำร้ายร่างกาย แต่ชอบหาเรื่องภรรยาและบุตร
ขณะที่ข้อมูลการกระทำความรุนแรงต่อผู้หญิงของไทย ตั้งแต่ปี 2550-2556 พบว่า การกระทำความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็กมีมากขึ้น โดยพบว่ามีสูงถึง 87 รายต่อวัน ในจำนวนนี้ เป็นผู้หญิง 40% เป็นเด็ก 60% และพบว่าช่วงอายุของผู้หญิงที่ถูกทำร้ายมากที่สุด คือ 25-45 ปี และพบว่าผู้หญิงที่อายุ 60 ปีขึ้นไป ถูกบุตรกระทำความรุนแรง
ทั้งนี้ การกระทำความรุนแรงต่อผู้หญิง มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากการให้บริการขอภาครัฐสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น และพฤติกรรมกระทำความรุนแรงของผู้ชาย หรือในฐานะหัวหน้าครอบครัว ยังเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ ทำให้ผู้ชายยังกระทำความรุนแรงต่อผู้หญิงอย่างต่อเนื่อง อาจเป็นเพราะผู้หญิงอายที่จะให้สังคมรับรู้ ทำให้ไม่สามารถแก้ปัญหาตั้งแต่ต้นทางได้ ดังนั้น สิ่งที่หน่วยงานทำหน้าที่ช่วยเหลืออย่างศูนย์พึ่งได้ของกระทรวงสาธารณสุข มีการแยกเคสที่เกี่ยวกับความรุนแรงทางเพศออกจากเคสทั่วไป เพื่อไม่ให้เกิดความรู้สึกที่ไม่ดีกับผู้ถูกกระทำ
ทางด้าน นายสมชาย เจริญอำนวยสุข ผู้อำนวยการสำนักกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กล่าวว่า จากจำนวนเคสความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็กที่เพิ่มมากขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากผู้หญิงกล้าที่จะเข้ามาหาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากขึ้น เพื่อขอความช่วยเหลือ ซึ่งทำให้การให้ความช่วยเหลือได้มากขึ้น จากอดีตที่ผู้หญิงมักจะยอมรับกับความรุนแรงที่เกิดขึ้น และไม่ยอมให้ใครรับรู้เรื่องของตัวเอง โดยจากการเก็บข้อมูลความรุนแรงในครอบครัว เฉพาะที่ จ.นครสวรรค์ พบว่าผู้หญิงถูกสามีทำร้ายกว่า 49% โดยครึ่งหนึ่งได้รับบาดเจ็บและคิดฆ่าตัวตาย แต่อีกครึ่งหนึ่งอดทนกับความรุนแรง เพราะรักลูกและสามี
ขณะเดียวกัน ผู้หญิงก็เป็นฝ่ายทำร้ายสามี โดยพบว่าผู้หญิงที่ทำร้ายสามีตัวเอง ส่วนใหญ่มาจากที่ตัวเองถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจสะสมมานาน ดังนั้น ทำอย่างไรจะทำให้เหตุการณ์เหล่านี้น้อยลง จึงเสนอว่า ควรมีการส่งเสริมการปรับพฤติกรรมความเชื่อใหม่ ว่าทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน และให้เลิกความคิดว่าผู้ชายมีอำนาจเหนือกว่าผู้หญิง ซึ่งขณะนี้ สำนักกิจการสตรีได้ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการจัดทำหลักสูตรนี้ เพื่อเสริมวัฒนธรรมทางความคิดใหม่ว่าทุกคนมีความเท่าเทียบกัน
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากธนาคารโลก พบว่า กว่า 1 ใน 5 ของผู้หญิงทั่วโลก เคยถูกทำร้ายร่างกาย หรือทำร้ายทางเพศ และทุก 15 นาที ทั่วโลกมีผู้หญิงถูกข่มขืนถึง 20 ราย และข้อมูลจาก un women เผยสถานการณ์ความรุนแรงต่อผู้หญิงที่ถูกทำร้ายจากสามีตัวเอง พบว่า ไทยเป็นลำดับที่ 37 ที่กระทำความรุนแรงต่อคู่ของตัวเอง จาก 75 ประเทศ และเป็นอันดับที่ 7 มีการกระทำความรุนแรงทางเพศ จาก 71 ประเทศ นอกจากนี้ ไทยยังเป็นอันดับ 2 ที่ยอมรับการทำร้ายจากคู่ตัวเอง จาก 49 ประเทศ
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ