หญิงสูงวัยจิบเครื่องดื่มบ่อย เสี่ยงกลั้นฉี่ไม่อยู่
แพทย์เตือนปัจจัยเสี่ยงโรคขับถ่ายปัสสาวะผิดปกติ มีจิบชา-กาแฟ ช็อกโกแลต รวมไปถึงความอ้วน และอาการท้องผูก
ผศ.นพ.พิชัย ลีระศิริ หัวหน้าหน่วยขับถ่ายปัสสาวะผิกปกติและกระบังลมหย่อนในสตรี ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวระหว่างการอบรมโครงการ “เสริมสร้างความรู้โรคขับถ่ายปัสสาวะผิดปกติและกระบังลมหย่อนในสตรี” ว่า การปัสสาวะผิดปกติที่พบได้บ่อยมี 2 ลักษณะ คือ 1.ปวดปัสสาวะกลั้นไม่ได้ ต้องเข้าห้องน้ำทันที และ 2.กลุ่มปัสสาวะเล็ดขณะไอหรือจาม
ปัจจัยเสี่ยงของโรคดังกล่าวเกิดจากหลายปัจจัย ได้แก่ อายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดการหย่อนของช่องคลอด กรรมพันธุ์หรือมีประวัติคนในครอบครัวเคยเป็น และพฤติกรรมส่วนตัว เช่น อาหารการกิน จิบชา กาแฟ ช็อกโกแลตบ่อยๆ ความอ้วน การอยู่ในอุณหภูมิห้องแอร์ที่เย็นจัด อาการท้องผูกเรื้อรัง ไอจาม แบกของหนัก คลอดลูกมาก เป็นต้น
สาเหตุสำคัญของโรคนี้ที่พบบ่อย คือ กระเพาะปัสสาวะติดเชื้อ อาจเป็นเพราะท่อปัสสาวะของผู้หญิงสั้นกว่าผู้ชาย ทำให้เชื้อเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะได้ง่าย และการที่อายุเพิ่มขึ้นร่างกายเสื่อมสภาพตามวัย ทำให้สภาพภายในช่องคลอดเปลี่ยน จนนำไปสู่การติดเชื้อที่ง่ายขึ้น รวมถึงอาการกระบังลมหย่อนก็เป็นสาเหตุของโรคนี้เช่นกัน
นอกจากนี้ ยังเกิดจากขาดฮอร์โมนหรือเคยได้รับการผ่าตัดในอดีต หรือเกิดจากมะเร็ง แต่เป็นสาเหตุที่พบได้น้อย สำหรับอาการปัสสาวะบ่อยจะขึ้นอยู่กับความรู้สึกของแต่ละคนว่าบ่อยแค่ไหนถึงเป็นการรบกวนการดำเนินชีวิตประจำวัน โดยปกติหากเป็นเวลากลางวันควรปัสสาวะประมาณ 7 ครั้ง และตอนกลางคืนเมื่อหลับแล้วควรตื่นขึ้นมาปัสสาวะไม่เกิน 1 ครั้ง
วิธีช่วยให้กลั้นปัสสาวะได้นานขึ้น คือ การขมิบบ่อยๆ บริหารกล้ามเนื้อบริเวณอุ้งเชิงกรานให้แข็งแรงมากขึ้น ทำอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอได้นาน 3-6 เดือน ผู้ป่วยจะสามารถกลั้นปัสสาวะได้ดีขึ้นเกือบเทียบเท่าคนปกติ คือ ประมาณ 3 ชั่วโมง และป้องกันไม่ให้ช่องคลอดหย่อนมากยิ่งขึ้น คนปกติสามารถกลั้นฉี่ได้นาน 3-4 ชั่วโมง แต่หากนานกว่านั้นเกินกว่า 6-7 ชั่วโมง ในบางรายอาจเกิดอาการปัสสาวะคั่งได้
“อุบัติการณ์ของโรคนี้ถือว่าเยอะมากตามอายุที่เพิ่มขึ้น โรคนี้ไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่มีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต คือบางรายที่เป็นมากๆ จะไม่สามารถออกนอกบ้านได้ ต้องใส่ผ้าอ้อมตลอดเวลา ไม่สามารถทำงานได้ และไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ เพราะจะไปกระตุ้นอาการปวดปัสสาวะ ซึ่งผู้ที่ป่วยโรคนี้ส่วนใหญ่มักไม่ค่อยมาพบแพทย์ เพราะเข้าใจว่าเป็นเรื่องธรรมชาติของคนที่อายุเพิ่มขึ้น ในการรักษาจะรักษาตามสาเหตุที่เป็น เช่น เกิดจากภาวะการติดเชื้อก็ฆ่าเชื้อ หากเกิดจากพฤติกรรมสุขภาพก็ให้ลดปัจจัยเสี่ยง ใช้ยาหรือการผ่าตัดรักษา เช่น ใช้ยาลดการบีบตัวก็จะช่วยให้เก็บปัสสาวะได้นานขึ้น สามารถกลั้นปัสสาวะได้ทันจนกว่าจะเข้าห้องน้ำ ส่วนอาการปัสสาวะเล็ดขณะไอจามสามารถใช้การผ่าตัดช่วยได้ด้วยวิธีการใช้เทปสังเคราะห์” ผศ.นพ.พิชัย กล่าว
ที่มา : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก