ส.ส.เวียดนามแกะรอย สสส.เล็งคุมยาสูบเมืองเหงียน
ส.ส.เวียดนามดูงาน สสส.ศึกษาบทเรียนจัดตั้งกองทุน สสส.และการควบคุมยาสูบ หวังนำไปปรับใช้ในประเทศ ก่อนเตรียมนำกฎหมายควบคุมยาสูบเข้าเสนอสภาฯ เวียดนาม หลังพบชายเวียดนามสูบบุหรี่สูงกว่าครึ่ง
เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2555 ที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) คณะสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจากเวียดนาม จำนวน 20 คน นำโดยmr.nguyen van tien รองประธานคณะกรรมาธิการสวัสดิการสังคมของเวียดนาม ศึกษาดูงานบทเรียนการควบคุมยาสูบจาก สสส. เพื่อนำไปเป็นแนวทางการจัดตั้งกองทุนควบคุมยาสูบในประเทศเวียดนาม โดย ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ รองผู้จัดการ สสส.กล่าวถึงบทบาทและรูปแบบการบริหารจัดการของ สสส.และกระบวนการทำงานร่วมกับภาคี สสส.ในการป้องกันปัญหาผู้บริโภคยาสูบในประเทศไทย
ดร.สุปรีดา กล่าวภายหลังคณะ ส.ส.หารือว่าตนได้นำเสนอการบริหารงาน การจัดสรรงบประมาณ และการดูแลงบประมาณที่ได้ให้ทุนกับภาคี สสส.ในการจัดการควบคุมยาสูบเป็นหลัก โดยเวียดนามให้ความสนใจเรื่องของการจัดสรรงบประมาณอย่างไรให้เกิดประโยชน์และมีความคุ้มค่า เพื่อเตรียมพร้อมจัดตั้งกองทุนควบคุมยาสูบในเวียดนาม ที่เป็นไปตามกรอบอนุสัญญาควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลก แต่ตัวอย่างของประเทศไทยจะมีความยืดหยุ่นที่ต่างจากงบประมาณปกติของราชการ ที่นำเงินไปใช้ในกิจกรรมที่ไม่ซ้ำกับงานบริการพื้นฐานของกระทรวงสาธารณสุขหรือของรัฐบาลที่มีอยู่แล้ว แต่พยายามจะไปเป็นโครงการ/นวัตกรรมที่กระตุ้นการทำงานใหม่ๆ กระตุ้นความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคประชาสังคม และภาควิชาการ
“คิดว่าเวียดนามคงกำลังศึกษารูปแบบหลายที่ และที่ทราบเบื้องต้นคือ เวียดนามเองก็มีบริบทหลายอย่างที่แตกต่างจากเมืองไทย เช่น แนวโน้มว่ากองทุนดังกล่าวอาจอยู่ภายใต้การบริหารงานของกระทรวงสาธารณสุข ความคล่องตัวเขาอาจมีความจำกัดอยู่ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าเวียดนามคงได้ทางออกที่จะนำไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสม และในอนาคตอันใกล้นี้หากเวียดนามจัดตั้งกองทุนดังกล่าวสำเร็จ เราก็ชวนให้เวียดนามเข้าร่วมเป็นเครือข่าย สสส.นานาชาติ ซึ่งก็หวังว่าเขาจะได้มาเป็นสมาชิกเครือข่ายและร่วมแลกเปลี่ยนกันต่อไป”ดร.สุปรีดากล่าว
ด้าน น.ส.บังอร ฤทธิภักดี ผู้อำนวยการเครือข่ายนักรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ในอาเซียน กล่าวว่า ขณะนี้สภาเวียดนามเตรียมที่จะพิจารณากฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมยาสูบ ในเดือนพฤษภาคมนี้ จึงเดินทางศึกษามาดูงานเพื่อเรียนรู้บทเรียนการทำงานควบคุมยาสูบและการจัดตั้งกองทุน สสส.ในเมืองไทย เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวจะมีมาตราต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมยาสูบ และเกี่ยวข้องกับการตั้งกองทุนเพื่อควบคุมยาสูบ โดยในประเทศเวียดนามมีอัตราผู้สูบบุหรี่เป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นผู้ชายมากกว่าครึ่ง ขณะที่เวียดนามเองก็มีปัญหาเรื่องของการจัดตั้งกองทุน เนื่องจากขณะนี้ได้รับทุนช่วยเหลือจากต่างประเทศเป็นหลักถึง 90%เวียดนามจึงมีความต้องการเงินทุนที่แน่นอน ทั้งนี้ระบบในเวียดนามกับระบบในไทยต่างกัน ของไทยสามารถทำเป็นลักษณะองค์กรอิสระได้ แต่ของเวียดนามกองทุนดังกล่าวอาจจำเป็นต้องอยู่ภายใต้สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ดังนั้นทางเวียดนามคงต้องกลับไปปรับรูปแบบให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากที่สุด
“รัฐบาลเวียดนามมีนโยบายเกี่ยวกับมาตรการการควบคุมยาสูบที่ค่อนข้างเข้มแข็งและมีคณะกรรมการควบคุมยาสูบระหว่างกระทรวงคล้ายกับไทย มีหน่วยงานและทีมเอ็นจีโอที่ทำเรื่องการควบคุมยาสูบ แต่ติดปัญหาที่ทุนในการทำงานไม่เพียงพอ ที่ขึ้นอยู่กับการบริจาคจากต่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา สวีเดน เป็นหลัก ดังนั้นหากมีเงินทุนที่แน่นอนก็จะส่งผลดีต่อการจัดการปัญหาการควบคุมยาสูบในเวียดนามได้ ซึ่งเวียดนามให้ความสนใจเรื่องการจัดสรรเงินทุน และผลที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไรบ้าง โดยผู้สูบลดลงหรือไม่ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าหากเวียดนามมีการจัดตั้งกองทุนแล้ว น่าจะส่งผลให้ผู้สูบลดลง เพราะเมื่อมีทุนที่มากพอในการประชาสัมพันธ์ สร้างความรู้ความเข้าใจพิษภัยบุหรี่แล้วน่าจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในระยะยาว”น.ส.บังอรกล่าวและว่า โดยส่วนตัวมองว่าสิ่งที่น่าชื่นชมเวียดนามคือ 11 จังหวัดนำร่องเรื่องการปลอดบุหรี่ที่ได้รับทุนจากต่างประเทศ หรือมี smoke free ฮาลองเบย์ ซึ่งเป็นเมืองมรดกโลกของเวียดนาม ในการกำหนดพื้นที่ห้ามสูบบุหรี่ในสถานที่สำคัญ
เรื่องโดย : สุนันทา สุขสุมิตร team content www.thaihealth.or.th