ส่งสุขปีใหม่ ด้วยกระเช้าปลอดเหล้า
เทศกาลแห่งความสุขปีใหม่ 2558 กำลังจะเริ่มขึ้น ประชาชนต่างวางแผนออกเดินทางท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ และหาซื้อของฝากเพื่อมอบให้แก่กัน สานความสัมพันธ์ในครอบครัวเครือญาติ ดังนั้นช่วงเวลาแห่งการอวยพรนี้ กรุงเทพมหานคร นำโดยรองผู้ว่าฯ ดร.ผุสดี ตามไท ร่วมกับ สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจความพร้อมของห้างสรรพสินค้า เพื่อควบคุมผลิตภัณฑ์ในกระเช้าของขวัญปีใหม่ สร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภค
นางผุสดี ตามไท รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ระบุว่า กทม.ได้ควบคุมดูแล จัดและจำหน่ายกระเช้าของขวัญปีใหม่เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความมั่นใจ ปีนี้มีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการเพิ่มเติมจากที่ผ่านมากว่า 100 ราย เพราะสามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และแนวทาง คือ สินค้าต้องมีคุณภาพ ไม่หมดอายุ ติดฉลากระบุวันเดือนปีและราคาให้ชัดเจน ที่สำคัญต้องเป็นไปตามกฎหมาย พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ไม่นำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไปจัดรวมอยู่ในกระเช้า หากฝ่าฝืนจัดโชว์จำหน่ายกระเช้าที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีโทษจำคุก 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ภก.สงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) กล่าวว่า ความจริงไม่ว่าเทศกาลใดสังคมไทยมักส่งมอบของขวัญให้กับคนที่เรารัก คำอวยพรกันเป็นปกติ คือ ต้องการให้สุขภาพดีมีความสุข และปฏิเสธไม่ได้ว่าหากมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นองค์ประกอบในของขวัญชิ้นนั้นจะเป็นสิ่งตรงกันข้ามกับคำอวยพร เพราะอาจส่งผลเสียต่อผู้รับหรือเพิ่มปัจจัยเสี่ยงต่างๆ มากมาย และถ้าคนที่รับของขวัญเราต้องเสียชีวิต หรือพิการเพราะของขวัญที่เราให้ ความทุกข์จะเกิดกับทั้งผู้ให้ผู้รับไปตลอดชีวิต เนื่องจากสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุช่วงปีใหม่สูงสุด คือ เมาแล้วขับ การขับรถเร็วเกินกำหนด ซึ่งความสูญเสียที่มีปัจจัยจากการดื่มสุรานี้ ย่อมต้องใช้งบประมาณจำนวนมากในการรักษาเยี่ยวยา และเชื่อว่าผู้ให้คงจะเสียใจหากผู้รับของขวัญที่มีเหล้า นำไปดื่มแล้วเกิดความสูญเสียตามมา
"ขอฝากถึงผู้ประกอบการร้านค้าไม่ว่าจะเป็นร้านค้ารายใหญ่ หรือร้านค้ารายย่อยให้ตระหนักปฏิบัติตามกฎหมายห้ามนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พ่วงกับสินค้าในกระเช้าของขวัญอย่างเด็ดขาด หรือช่วงเวลาของการขาย ซึ่งกฎหมายนี้ห้างร้านต่างทราบดีและหวังว่าประชาชนทั่วไปจะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งมอบของขวัญที่ปราศจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งสิ่งที่ควรมอบให้แก่กันมากที่สุดคือ หนังสือดีๆ เพราะเป็นการให้ปัญญา ให้ความสุขที่ยั่งยืน ตรงข้ามกับน้ำเมา ที่ทำลายสมอง" ภก.สงกรานต์ กล่าว
ด้านผู้ประกอบการ ดร.ทรงศักดิ์ วิจัยธรรมฤทธิ์ ผู้ช่วยรองประธานฝ่ายปฏิบัติการ บมจ.บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ กล่าวว่า บิ๊กซีดำเนินธุรกิจมากว่า 20 ปี มีสาขามากถึง 600 แห่ง โดยเราตระหนักใส่ใจถึงผู้บริโภคเป็นสำคัญ และปฏิบัติตามกฎหมาย เน้นจำหน่ายกระเช้าสุขภาพปลอดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อให้ประชาชนได้ส่งมอบความสุขอย่างปลอดภัย ซึ่งได้ร่วมรณรงค์ในเรื่องนี้มากว่า 10 ปีแล้ว เพราะเชื่อว่าเป็นมาตรการที่มีประโยชน์กับ ผู้บริโภค ขณะที่ทางเลือกในการอวยพรนั้น ทางห้างจะเน้นกระเช้าเพื่อสุขภาพซึ่งได้รับความนิยมมากในปีนี้คือ กระเช้าผักผลไม้ หรือธัญพืช และสมุนไพรแปรรูป รวมถึงขนมขบเคี้ยวทั่วไป
"แม้จะมีข้อห้ามในเรื่องของสุรา แต่เรามีทางเลือกและมูลค่าของกระเช้าที่ผู้บริโภคซื้อไปก็ยังคงเดิมเพราะได้ประโยชน์ต่อผู้รับ และผู้ให้เกิดความสบายใจ ทั้งนี้แม้ไม่มีสุราในกระเช้า ยอดการจำหน่ายก็ไม่ได้ลดลงเลย"ดร.ทรงศักดิ์ กล่าว
ขณะที่ น.ส.อมรรัตน์ มากคง ผู้จัดการฝ่ายประกันคุณภาพ บริษัทสยามแม็คโคร กล่าวว่า ทุกๆ ปีทางแม็คโครจะให้ความร่วมมือกับ กทม.ในการจัดกระเช้าปลอดภัย ปลอดเหล้า เพราะเราคำนึงถึงผู้บริโภคเป็นหลัก พร้อมปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 โดยเฉพาะเทศกาลปีใหม่ที่ประชาชนมองหาของขวัญของฝาก และแทบไม่มีให้เห็นเลยที่ลูกค้าจะขอซื้อหรือเข้ามาถามหากระเช้าที่มีเหล้า เนื่องจากเรามีกระเช้าทางเลือกให้กับลูกค้าไว้มากมาย ซึ่งมาตรการนี้ถือว่าดีช่วยลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม อยากให้ผู้ประกอบการทุกแห่งร่วมกันรณรงค์สร้างการรับรู้กระเช้าปลอดเหล้ากับผู้บริโภคด้วย
เห็นแล้วว่าสังคมไทยได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หันมาส่งมอบสิ่งดีๆ ที่มีประโยชน์ให้แก่กันแทนของมึนเมา สะท้อนถึงความตั้งใจที่ต้องการอวยพรและมอบความปรารถนาดีให้กันอย่างแท้จริง เพราะคงตระหนักกันดีแล้วว่า "ให้เหล้า=แช่ง"
ที่มา: หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต