‘สุขภาพช่องปาก’ เรื่องใกล้ ไม่ควรละเลย
ที่มา : เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ
รู้หรือไม่ว่า “สุขภาพช่องปาก” เป็นเรื่องใกล้ตัวที่ทุกคนไม่ควรละเลยและเพิกเฉย เพราะมันอาจจะกำลังส่งสัญญาณอันตรายบางอย่างที่คืบคลานมาหาคุณโดยไม่รู้ตัว
มูลนิธิทันตสาธารณสุข ภายใต้การดำเนินงานของกระทรวงสาธารณสุข ระบุถึง 5 สัญญาณภายในช่องปากที่คุณควรสังเกตุเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลทำความสะอาดช่องปากก่อน
• มีกลิ่นปากโดยหาสาเหตุไม่ได้: ยังคงรู้สึกถึงกลิ่นปากที่ลอยออกมาทุกครั้งที่พ่นลมหายใจหรือพูดกับคนรอบข้าง หลังแปรงฟัน
• สีฟันขุ่นมัว ดูเหลือง ไม่ขาวสะอาด: หลังแปรงฟันเสร็จ ส่องกระจกแล้ว ยังเห็นสีฟันเหลืองชัดเจนอยู่
• คราบพลัคที่เกาะอยู่บนผิวฟัน: หลังจากแปรงฟันเสร็จแล้ว แต่ยังรู้สึกเหมือนมีแผ่นฟิล์มเหนียวๆ ติดอยู่บนฟัน
• โรคฟันผุ: แปรงฟันเป็นประจำ แต่ทำไมยังปวดฟันอย่างหาสาเหตุไม่ได้ และฟันเริ่มเป็นรูและจุดดำเล็กๆ
• เหงือกอักเสบและเป็นแผล: เหงือกบวม แดง หรือมีเลือดออกกระปริดกระปรอยระหว่างแปรงฟัน
ปัญหาเหล่านี้ ส่วนใหญ่มักเกิดจากการใช้แปรงสีฟันเก่าที่มีระยะเวลานานกว่า 3 เดือน เนื่องจากแปรงสีฟันด้ามเก่านั้น มักจะมีขนแปรงที่บานจนขาดประสิทธิภาพในการทำความสะอาดเศษอาหารและสิ่งสกปรกตามซอกเหงือกและฟัน ทำให้สิ่งสกปรกตกค้าง และเกิดการหมักหมมภายในช่องปาก อีกทั้งปกติแล้ว แปรงสีฟันควรใช้งานไม่เกิน 3 เดือน เนื่องจากแปรงสีฟันเป็นแหล่งสะสมของของแบคทีเรีย ไวรัส และสิ่งสกปรกต่างๆ นับล้านชนิด และเมื่อเราใช้ทำความสะอาดเช้าเย็น เท่ากับว่าเรากำลังเอาแบคทีเรียและสิ่งสกปรกเข้าไปสู่ร่างกาย
หากคุณเป็นหนึ่งคนที่กำลังมีเผชิญกับสัญญาณเตือนเหล่านี้แล้วล่ะก็ ควรที่จะรีบปลี่ยนแปรงสีฟันด้ามใหม่อย่างเร่งด่วน โดยควรเลือกใช้แปรงสีฟันที่มีขนแปรงหนาและหัวแปรงเรียวเล็กที่สามารถทำความสะอาดช่องปากได้อย่างซอกซอนและมีประสิทธิภาพ