“สื่อสร้างสรรค์” เพื่อเด็ก

“สื่อสร้างสรรค์” เพื่อเด็ก

วาระเด็กและเยาวชน กลายเป็นประเด็นที่หลายฝ่ายเรียกร้องและถามหา เพราะทุกคนรู้ดีว่าถ้าสร้างให้เด็กมีต้นทุนชีวิตดีได้มากแค่ไหน อนาคตสังคมเราก็จะเต็มไปด้วยทรัพยากรที่มีคุณภาพมากแค่นั้น ถือว่าโชคดีที่รัฐบาลขานรับทำให้หลายฝ่ายจุดประกายการทำงานวาระเพื่อเด็กและเยาวชนกันอย่างคึกคัก

สื่อสร้างสรรค์ เป็นเรื่องที่มีการสนับสนุนอย่างจริงจังมาเป็นเวลานาน และเมื่อเร็วๆ นี้ก็เพิ่งมีการผ่านร่างกฎหมาย พ.ร.บ.กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นเครื่องมือในการพัฒนาสื่อ และความรู้เท่าทันสื่อของคนในสังคม ซึ่งเป็นสิ่งสะท้อนการให้ความสำคัญกับวาระการสร้างสื่อได้เป็นอย่างดี

รศ.ดร.วิลาสินี อดุลยานนท์ ผู้อำนวยการสำนักรณรงค์และสื่อสารสาธารณะเพื่อสังคม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) หนึ่งในผู้มีบทบาทในการขับเคลื่อนงานสื่อสร้างสรรค์ มองว่าการขจัดสื่อร้าย ก็เหมือนน้ำที่เราสามารถใช้น้ำดีไล่น้ำเสียได้ คือ เมื่อพัฒนาให้เกิดพื้นสื่อดีๆ ยิ่งมากเท่าไหร่ สื่อร้าย หรือสิ่งยั่วยุมอมเมาเยาวชนก็จะลดลง การสนับสนุนพัฒนาศักยภาพของสื่อ หรือการสร้างให้เกิดพื้นที่ดีๆ จึงเป็นเรื่องสำคัญ

นอกจากการสร้างพื้นที่สร้างสรรค์ การรู้เท่าทันสื่อ เป็นสิ่งหนึ่งที่ผู้ทำงานด้านเด็กให้ความสำคัญและเร่งผลักดันให้เกิดขึ้น รศ.ดร.วิลาสินี ให้ความเห็นว่า การรู้เท่าทันสื่อสามารถทำให้ประเทศเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งจำเป็นต้องวางรากฐานสร้างความรู้ในส่วนนี้ให้เกิดขึ้น

การประกาศพื้นที่สำหรับเด็ก “ปีแห่งการคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดอุบลราชธานี” เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดว่า การทำงานเพื่อเด็ก และเยาวชน เกิดขึ้นแล้วอย่างจริงจัง

นายชวน ศิรินันท์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี อธิบายถึงเหตุผลในการประกาศให้ จ.อุบลราชธานี เป็นเมืองน่าอยู่สำหรับเด็ก ว่าเป็นเพราะสิ่งแวดล้อมที่สุ่มเสี่ยงสำหรับเด็กในขณะนี้ พบได้ในเกือบทุกจังหวัด ซึ่ง จ.อุบลราชธานี ก็เกิดปัญหาเดียวกัน ทั้งร้านเกม ผับ บาร์ เธค ซึ่งกลายเป็นสถานที่มั่วสุมของเด็กและเยาวชน

ปัญหาเด็กและเยาวชนที่เกิดขึ้นเพราะได้รับผลกระทบจากครอบครัว สังคม 3 เรื่อง คือ 1.ปัญหายาเสพติด สุรา เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ สารระเหย 2.ปัญหาการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพย์ และ 3.ปัญหาพฤติกรรมมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร รวมทั้งปัญหาการมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมอื่นๆ

สาเหตุปัญหาดังกล่าวส่วนใหญ่เกิดจากสภาพแวดล้อมในครอบครัว ชุมชน สังคม ที่เกิดจากการกระทำของผู้ใหญ่ เด็กและเยาวชน จึงตกเป็นเหยื่อของสังคม เพื่อเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น จังหวัดจึงได้กำหนดนโยบายเพื่อคุ้มครองเด็กและเยาวชนในพื้นที่ โดยมุ่งเน้น 2 ประเด็นหลัก คือ ลดพื้นที่เสี่ยง และเพิ่มพื้นที่ดี

การทำงานของพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ถือว่าน่าสนใจมาก เพราะนำเอาหลักการที่วางไว้มาทำให้เกิดขึ้นจริง ด้วยการเดินหน้าลดพื้นที่เสี่ยง และเพิ่มพื้นที่ดีให้กับสังคม สิ่งที่ทำคือประสานความร่วมมือจากหลายๆ ฝ่าย เช่น ผับ บาร์ ไม่เปิดเกินเวลา ไม่รับเด็ก เยาวชนที่อายุไม่ถึงตามกฎหมายกำหนด ร้านค้าไม่ขายเหล้า เบียร์ ให้แก่เด็กอายุไม่ถึงเกณฑ์ ถือเป็นการควบคุมที่ไม่ได้ละเมิดสิทธิใดๆ ของผู้ค้า

ขณะเดียวกันก็มีการสร้างพื้นที่ดีๆ ให้เกิดขึ้นในสังคม เช่น ถนนคนเดินของเด็ก การเพิ่มพื้นที่การออกกำลังกาย ปัญหาการมั่วสุมในร้านเกม ผับบาร์ ก็น้อยลง

แนวทางทำงานที่อาศัยความร่วมมือระหว่างกันในการลดพื้นที่เสี่ยง จังหวัดร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

1.ออกจัดระเบียบสังคม ร้านเกม เพื่อแก้ไขปัญหาร้านเกมที่ฝ่าฝืนระเบียบ ให้สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเป็นเจ้าภาพหลัก

2.ออกตรวจร้านจำหน่ายสุรา บุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อแก้ไขปัญหาการดื่มสุรา สูบบุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเด็กและเยาวชน ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเป็นเจ้าภาพหลัก

3.จัดระเบียบสังคมสถานบันเทิง เพื่อแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนเข้าไปใช้บริการอย่างผิดกฎหมายและการเปิดบริการเกินกำหนด มอบให้ปกครองจังหวัดเป็นเจ้าภาพหลัก

4.จัดระเบียบหอพักนักเรียน/นักศึกษา เพื่อตรวจตราหอพักที่ดำเนินการผิดกฎหมาย มอบหมายให้สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นเจ้าภาพหลัก

5.ออกตรวจตราสวนสาธารณะ เพื่อแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนมั่วสุม มอบให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เป็นเจ้าของสถานที่ เป็นเจ้าภาพหลัก

ขณะเดียวกันแนวทางการเพิ่มพื้นที่ดี ที่ทำไปพร้อมๆ กัน ก็เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งจังหวัดขอความร่วมมือทุกภาคส่วนของจังหวัด มีแผนปฏิบัติการระดับอำเภอมาถึงจังหวัด การใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด การส่งเสริม สนับสนุน เชิดชูเกียรติสถานประกอบการที่ดี การประชาสัมพันธ์ที่ทั่วถึงต่อเนื่อง

นายเชษฐา มั่นคง มูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก (มพด.) แผนงานสื่อสร้างสุขภาวะเยาวชน (สสย.) เล่าถึงแผนการสนับสนุนการขยายพื้นที่ดีไปยังภาคส่วนต่างๆ ของสังคมว่า โครงการขจัดสื่อร้าย ขยายสื่อดี ได้เดินหน้ามา 2-3 ปี ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง สสส.และภาคีต่างๆ รวมถึงเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชน ได้มีส่วนร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมเป็นผู้ผลิตสื่อด้วยตนเอง

การทำงานโดยเด็ก เน้นไปที่การเปิดโอกาส คิดและทำ ผสานวิถีชีวิตลงไปอย่างกลมกลืน และไปยังพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำเป็นตัวอย่าง เช่น ละครตะลอนทัวร์ ละครสะท้อนปัญญา เพื่อให้เด็กใช้พื้นที่สร้างสรรค์และบอกเล่าความคิด สิ่งดีๆ ผ่านสื่อ

แผนงานสื่อสร้างสุขภาวะเยาวชน (สสย.) ได้วางเป้าหมายไว้ว่า จะขยายพื้นที่สร้างสรรค์ประมาณ 5 จังหวัด เพื่อให้เป็นต้นแบบในการที่จังหวัดอื่นๆ จะนำไปพัฒนาต่อ โดยกระจายไปยังภาคต่างๆ เนื่องจากแต่ละพื้นที่มีความหลากหลายแตกต่างกัน ซึ่ง สสส.เข้าไปประสานให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน ภาคี ที่เคยอยู่อย่างกระจัดกระจายให้รวมเป็นหนึ่ง เดินหน้าไปในทิศเดียวกันเพื่อพัฒนาเด็กและเยาวชน ให้มีรากฐานที่มั่นคง

เชื่อว่าอีกไม่นานสังคมที่ฝันคงมาถึง

 

 

 

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด

 

 

Update : 29-03-53

อัพเดทเนื้อหาโดย : ณัฏฐ์ ตุ้มภู่

Shares:
QR Code :
QR Code