สีของยาไม่เหมือนเดิม ทำผู้ป่วยจิตเภทไม่กินยาต่อ

ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์


สีของยาไม่เหมือนเดิม ทำผู้ป่วยจิตเภทไม่กินยาต่อ สาเหตุอาการกำเริบถึง 50% กรมสุขภาพจิตย้ำสียาต่างแต่คุณภาพ-ขนานยาเหมือนกัน ขอกินยาต่อเนื่อง รพ.จิตเวชนครสวรรค์ฯ แนะ 3 วิธีช่วยลดอัตราอาการกำเริบซ้ำ ชี้ชุมชนช่วยดูแลลดกำเริบนานถึง 10 ปี


สีของยาไม่เหมือนเดิม ทำผู้ป่วยจิตเภทไม่กินยาต่อ thaihealth


น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวภายหลังตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลจิตเวชนครสวรรค์ราชนครินทร์ และศูนย์สุขภาพจิตที่ 3 จ.นครสวรรค์ ว่าผลการดำเนินการของสถานพยาบาลในเขตสุขภาพที่ 3 พบว่า ผู้ป่วยเข้าถึงบริการร้อยละ 68 จำนวน 33,647 คน เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ถึงร้อยละ 11 ในภาพรวมของประเทศขณะนี้นับว่าดีขึ้นมาก ในรอบ 10 เดือนปีงบประมาณ 2560 มีผู้ป่วยจิตเภทเข้าถึงบริการจำนวน 570,000 กว่าคน อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยโรคจิตเภทประมาณร้อยละ 90 จะมีอาการกำเริบซ้ำได้บ่อย สาเหตุกว่าร้อยละ 50 เกิดมาจากการขาดยาซึ่งเป็นหัวใจหลักของการรักษาโรค ผู้ป่วยแต่ละคนจะได้รับยาประมาณ 3-4 ขนาน สาเหตุที่ผู้ป่วยกินยาไม่สม่ำเสมอ ส่วนหนึ่งเกิดจากการไม่เชื่อมั่นในคุณภาพยา โดยเฉพาะสีของเม็ดยาที่ได้รับไม่เหมือนเดิมจึงไม่กินยาต่อ โดยที่ รพ.จิตเวชนครสวรรค์ฯ พบปัญหานี้ร้อยละ 45


“ขอยืนยันว่า ยารักษาโรคจิตเภทที่โรงพยาบาลทั่วประเทศใช้ในขณะนี้คือยาขนานเดียวกัน แต่อาจมีสีไม่เหมือนกันเพราะผลิตมาจากแหล่งผลิตต่างกัน แต่ยามีประสิทธิภาพเหมือนกัน จึงไม่ควรยึดติดกับสีเม็ดยา ขอให้ผู้ป่วยกินยาที่แพทย์จ่ายให้อย่างต่อเนื่อง ห้ามหยุดหรือลดยาเองอย่างเด็ดขาด เนื่องจากฤทธิ์ของยาจะไปปรับการทำงานของสารสื่อประสาทในสมองให้สมดุล จะรักษาอาการประสาทหลอนและอาการหลงผิดให้หาย อาการจะไม่กำเริบ สามารถใช้ชีวิตประจำวันหรือทำงานประกอบอาชีพได้” อธิบดีกรมสุขภาพจิตกล่าว และว่า ทั้งนี้ได้มอบหมายให้ รพ.จิตเวชนครสวรรค์ฯ เร่งพัฒนาระบบบริการผู้ป่วยโรคจิตเภทและเป็นศูนย์ความเชี่ยวชาญในด้านนี้เพื่อถ่ายทอดวิชาการเทคโนโลยีความก้าวหน้าลงสู่โรงพยาบาลทุกระดับทั่วประเทศ เพิ่มประสิทธิภาพการดูแลผู้ป่วยในประเทศให้ดียิ่งขึ้น


นพ.ธิติพันธ์ ธานีรัตน์ ผอ.รพ.จิตเวชนครสวรรค์ฯ กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2560 นี้มีผู้ป่วยจิตเภทเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลฯทั้งประเภทผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน รวม 2,083 คน จำนวน 8,918 ครั้ง เฉลี่ยนอน 30 วันต่อคน ปัญหาที่พบได้บ่อยคือผู้ป่วยร้อยละ 50 มีอาการป่วยกำเริบต้องกลับเข้ามารักษาซ้ำภายหลังจำหน่ายออกจากโรงพยาบาลไม่กี่เดือน จึงได้พัฒนาระบบบริการเพื่อป้องกันอาการกำเริบ 3 รูปแบบ คือ 1. เปิดคลินิกใจดีบริการผู้ป่วยนอก ดูแลทั้งเรื่องยารักษาและการให้ความรู้ในการใช้ชีวิตในสังคม 2. การจัดค่ายอุ่นใจ สำหรับผู้ป่วยใน ส่งผลช่วยให้ผู้ป่วยและญาติเข้าใจโรคดีขึ้น ญาติดูแลผู้ป่วยดีขึ้นเพราะมองผู้ป่วยด้วยความเข้าใจว่าไม่ใช่เป็นภาระครอบครัว ลดอัตราป่วยซ้ำเหลือร้อยละ 10 ในปีนี้พบเพียง 28 คน และ 3. การจัดบริการผู้ป่วยที่บ้านในชุมชน (Home ward) ซึ่งดำเนินการมา 10 กว่าปี เพื่อให้ผู้ป่วยจิตเภทเรื้อรังมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยการสร้างผู้ดูแลเบอร์ 2 (Care giver) ซึ่งไม่ใช่ญาติของผู้ป่วยโดยตรง เป็นเครือข่ายทั้งนอกและในระบบบริการสุขภาพ เช่น เพื่อนบ้าน ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน อสม. พระ มรรคนายก เทศบาล อบต. อปท. เป็นต้น มาช่วยดูแลผู้ป่วยในชุมชนกรณีญาติไม่สามารถดูแลได้ พบว่าได้ผลดี ผู้ป่วยอาการทางจิตสงบ อยู่กับครอบครัวและชุมชนได้ โดยผู้ป่วยจำนวนหนึ่งสามารถอยู่ในชุมชนโดยไม่มีอาการกำเริบนานถึง 10 ปี

Shares:
QR Code :
QR Code