สิงห์บุรีรณรงค์ป้องกันไข้เลือดออก
ที่มา: เดลินิวส์
แฟ้มภาพ
ประเทศไทยอาจมีฝนตกในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ ภาคกลาง รวมถึงกรุงเทพมหานคร และเขตปริมณฑล ซึ่งฝนที่ตกลงมา จะทำให้เกิดน้ำขังในแอ่งน้ำ กาบใบไม้ เศษภาชนะหรือภาชนะที่มีกักเก็บน้ำไว้ใช้ เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของยุงลายที่เป็นพาหะโรคไข้เลือดออก
นายแพทย์มณเฑียร คณาสวัสดิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสิงห์บุรี กล่าวเมื่อวันก่อนว่า จากการพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา คาดว่าช่วงนี้ประเทศไทยอาจมีฝนตกในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ ภาคกลาง รวมถึงกรุงเทพมหานคร และเขตปริมณฑล ซึ่งฝนที่ตกลงมา จะทำให้เกิดน้ำขังในแอ่งน้ำ กาบใบไม้ เศษภาชนะหรือภาชนะที่มีกักเก็บน้ำไว้ใช้ เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของยุงลายที่เป็นพาหะโรคไข้เลือดออก เสี่ยงต่อการแพร่กระจายโรค
นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสิงห์บุรี กล่าวอีกว่า สำหรับข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค รายงานว่าตลอดปี 2560 มีผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกรวม 59,130 ราย เสียชีวิต 63 ราย โดยเป็นกลุ่มเด็กวัยเรียนและกลุ่มวัยรุ่นที่ป่วยมากที่สุด จำนวนผู้ป่วยที่พบมากที่สุดในภาคกลาง รองลงมา คือ ภาคใต้ รวมสองภาคคิดเป็นร้อยละ 62 ของผู้ป่วยทั้งประเทศ ส่วนปี 2561 ตั้งแต่วันที่ 1-15 มกราคม 2561 พบผู้ป่วยโรคดังกล่าวแล้ว 279 ราย เสียชีวิต 1 ราย ผู้ป่วยร้อยละ 84 ยังคงพบในภาคกลางและภาคใต้เช่นเดียวกับ ปี 2560 กลุ่มอายุที่ป่วยมากคือ กลุ่ม วัยเรียนและกลุ่มวัยรุ่น คือ อายุ 10-24 ปี ในส่วนของจังหวัดสิงห์บุรี ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2560-29 มกราคม 2561 ยังไม่มีรายงานการพบผู้ป่วย
นายแพทย์มณเฑียร กล่าวต่อไปว่า กรมควบคุมโรค แนะนำประชาชนให้เตรียมความพร้อมใน 3 เรื่องสำคัญ 1.การป้องกันการถูกยุงกัด โดยทายากันยุง นอนในมุ้ง พร้อมกำจัดลูกน้ำและแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย 2.เฝ้าระวังอาการของโรค เช่น ไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อย เบื่ออาหาร หน้าแดง ผิวหนังเป็นจุดเลือด อาเจียน ปวดท้อง และ 3.พบแพทย์ทันทีเมื่อป่วยและมีไข้สูง หากช้าอาจทำให้เสียชีวิตได้ ดังนั้น ควรรีบพบแพทย์เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต นอกจากนี้ใช้มาตรการ "3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค" คือ 1. เก็บบ้านให้สะอาด โปร่ง โล่ง ไม่ให้มีมุมอับทึบ 2. เก็บขยะ เศษภาชนะรอบบ้าน ไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง และ 3. เก็บน้ำ สำรวจภาชนะใส่น้ำ ต้องปิดฝาให้มิดชิด ป้องกันยุงลายไปวางไข่ หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422.