สายใยรักความผูกพันครอบครัวมากกว่าตัวเงิน

ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์


ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ


สายใยรักความผูกพันครอบครัวมากกว่าตัวเงิน thaihealth


สสส.พร้อมภาคีเครือข่าย ผนึกพลังแถลงข่าวคลี่ครอบครัวไทย 4.0 โฉมหน้าครอบครัวไทยยุคเกิดน้อย อายุยืน UNFPA Thailand สหประชาชาติ ร่วมกับสภาพัฒน์ เจาะสำรวจความคิดเด็ก 824 คนทั่วประเทศทางออนไลน์ ได้คำตอบครอบครัวต้องอยู่กันด้วยสายใยความรักความผูกพัน 40%


เสียงสะท้อนจากเยาวชนไทยถึงครอบครัวไทย กู่ก้องให้โลกรู้ อยากได้ความรักความอบอุ่นในครอบครัวมากกว่าตัวเงิน ขอเวลาอยู่กับครอบครัวอย่างมีคุณภาพ ไม่ใช่อยู่กับ Smart Phone กลายเป็นต่างคนต่างอยู่ในโลกของตัวเอง ปัญหาข้อกังวลเรื่องหนี้สินและสุขภาพ ครอบครัวคู่สามีภรรยาที่ไม่มีลูกเพิ่มขึ้น 3 เท่า ครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว 1.37 ล้านครัวเรือน ครอบครัว 3 รุ่นในชนบทเพิ่มขึ้น ครัวเรือนที่อยู่คนเดียวเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า


ที่ ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ กองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย (UNFPA Thailand) ภาคีเครือข่ายร่วมขับเคลื่อนการสร้างเสริมสุขภาวะกลุ่มเยาวชน จัดแถลงข่าว คลี่ครอบครัวไทย 4.0  นำโดย เพ็ญพรรณ จิตตะเสนีย์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชนและครอบครัว สสส. ณัฐยา บุญภักดี เจ้าหน้าที่บริหารแผนงานเยาวชน (UNFPA) สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน เป็นผู้ดำเนินรายการ ทั้งนี้ รศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เข้าร่วมงานครั้งนี้ด้วย ตัวแทนเยาวชนเป็นเสียงสะท้อนจากเยาวชนถึงครอบครัวไทย ศุภกร สุเมธาลังการ สภาเด็กและเยาวชน จ.เชียงราย วีรพล แก้วพันธ์อ่ำ นักศึกษาคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แกนนำเยาวชนเพื่อการเปลี่ยนแปลง เครือข่ายภาคเหนือ อิทธิพล ทองแดง ประธานสภาเด็กและเยาวชน จ.อุบลราชธานี เสาวลักษณ์ พูลสวัสดิ์ เครือข่ายสภาเด็กเทศบาล ต.ฉลุง จ.สตูล


สายใยรักความผูกพันครอบครัวมากกว่าตัวเงิน thaihealth


สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน พิธีกร เปิดประเด็นว่า นักวิชาการช่วยกันถอดรหัสจากผลงานวิจัยสะท้อนสถานการณ์ในครอบครัวไทยซึ่งมีความหลากหลายมาก เพ็ญพรรณ จิตตะเสนีย์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชนและครอบครัว สสส. กล่าวว่า ครอบครัวไทยในยุค 4.0 เด็กเกิดน้อยลง คุณภาพคนเป็นสิ่งสำคัญ ความสัมพันธ์ภายในครอบครัวจากการสำรวจทางออนไลน์จาก 824 คนทั่วประเทศ จากเด็กเล็กถึง 24 ปี ส่วนใหญ่ 57% เป็นเด็กหญิงที่ตอบเข้ามา โดยอยู่ในระบบการศึกษาที่มีรายได้น้อย 1.5 หมื่นบาท/เดือน อยู่กันด้วยความรักความผูกพัน 40% สะท้อนว่าความเป็นครอบครัวควรอยู่ร่วมกัน บ้านเรามีวันครอบครัว ในช่วงวันสงกรานต์เป็นวันที่มีความสุขด้วยกัน มีกิจกรรมไปเที่ยว กินข้าวร่วมกัน เพราะบางครอบครัวต่างแยกย้ายกันไปทำงาน ไปเรียนหนังสือ เมื่อถึงเทศกาลวันสงกรานต์ วันครอบครัว ก็จะกลับมารวมกันเพื่อทำกิจกรรมด้วยกัน


ความเข้มแข็งของครอบครัวมีความหมายว่าไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน ครอบครัวเข้มแข็งอบอุ่น ครอบครัวที่อยากให้เป็นคือมีความรักต่อกัน พร้อมที่จะช่วยกันแก้ไขทุกปัญหาที่เกิดขึ้น ครอบครัวมีความกังวลเรื่องสุขภาพซึ่งเป็นไปตามกระแสสถานการณ์ สุขภาพเป็นความสำคัญ รวมถึงปัญหาหนี้สินเป็นความกังวลในอันดับต้นๆ ความภาคภูมิใจของครอบครัวก็คือการมีบ้านเป็นของตัวเอง อบอุ่นพึ่งพาได้ ความสุขเมื่อได้อยู่ด้วยกันภายในครอบครัว พึ่งพากันได้ในครอบครัว รู้สึกปลอดภัย เด็กก็มีสิทธิมีเสียงแสดงความคิดเห็นในครอบครัว กล้าพูดได้ทุกเรื่อง


"คุณค่าการอยู่ร่วมกันในครอบครัววันละ 3 ชั่วโมงที่พ่อแม่ให้ ไม่ใช่การบังคับให้เรียนหนังสือ ต้องพัฒนาตัวเอง เด็กที่โตขึ้นในระดับประถมเน้นพัฒนาทักษะต่างๆ ทางวิชาการ มีชีวิตอยู่ได้เป็นพื้นฐานสำคัญ เด็กวัยรุ่นต้องการปลดปล่อยศักยภาพของดีที่มีอยู่ในตัวเอง แสดงความคิดเห็นถกเถียงกันได้ พ่อแม่ควรให้ความเข้าใจ ใช้เวลาที่อยู่ร่วมกันให้มีคุณค่ามากที่สุด" เพ็ญพรรณ ให้ข้อคิด


ณัฐยา บุญภักดี เจ้าหน้าที่บริหารแผนงานเยาวชน UNFPA กล่าวว่า ผลจากงานวิจัยรายงานสถานการณ์ประชากรไทย พ.ศ.2558 โฉมหน้าครอบครัวไทยยุคเกิดน้อย อายุยืนในรอบ 25 ปี มีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก ครอบครัว 3 รุ่นเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และเป็นครอบครัวหลักในปัจจุบัน โดยเฉพาะในชนบท ส่วนครอบครัวพ่อแม่ลูกซึ่งเคยเป็นครอบครัวหลักลดลงครึ่งหนึ่ง ขณะที่ครอบครัวคู่สามีภรรยาที่ไม่มีลูกเพิ่มขึ้น 3 เท่า เพิ่มขึ้นในเขตชนบทสูงกว่าในเมือง ครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวมีสัดส่วนลดลงเล็กน้อยแต่เพิ่มขึ้นจาก 970,000 ครัวเรือนเป็น 1.37 ล้านครัวเรือน ครอบครัวข้ามรุ่นและครัวเรือนที่อยู่คนเดียวเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า ดังนั้นรูปแบบครอบครัวในปัจจุบัน อันดับ 1 ครอบครัวสามรุ่น 37% อันดับ 2 ครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว 7% อันดับ 6 ครัวเรือนข้ามรุ่น 2% อันดับ 7 ครัวเรือนที่ไม่ใช่ญาติ 1% ซึ่งมีความเป็นชุมชนแบบหนึ่ง ทั้งชุมชนของเพื่อนฝูงหรือคนที่ไม่ใช่ญาติ แต่มีสายสัมพันธ์ที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน


สายใยรักความผูกพันครอบครัวมากกว่าตัวเงิน thaihealth


ยุทธศาสตร์ครอบครัวแห่งชาติ ครอบครัวอยู่ร่วมกัน 2 คนขึ้นไป เป็นที่น่าสังเกตว่าครอบครัวที่อยู่ด้วยกัน ไม่ได้เป็นญาติพี่น้องหรือสายเลือดเดียวกันแต่อยู่ด้วยกัน มีแนวโน้มที่คนเลือกได้มีโอกาสเพิ่มขึ้น คือ ชายกับชาย หรือหญิงกับหญิง แต่กฎหมายไทยยังไม่เปิดโอกาสให้มีการจดทะเบียนสมรสกันได้ เมื่อ 4 ปีก่อน กระทรวงยุติธรรมนำเสนอกฎหมายจดทะเบียนคู่ชีวิตในเพศเดียวกันแต่ยังไม่สำเร็จ


"เรายังพบครอบครัวที่มีความหลากหลาย ครอบครัวเพศเดียวกัน ครอบครัวที่ไม่ใช่ญาติมาอยู่ด้วยกัน แสดงว่าคนมีทางเลือกมากขึ้นมากกว่าขนบธรรมเนียมในอดีต สังคมมาไกลจากประเพณีที่เคร่งครัด เป็นทางเลือกให้มีชีวิตของตัวเองมากยิ่งขึ้นด้วยระบบการศึกษาสมัยใหม่ ปัจจุบันการใช้ชีวิตคู่ของคนเพศเดียวกันในเมืองไทยยังไม่ได้รับรองสถานภาพทางกฎหมาย ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงบริการสิทธิและสวัสดิการจากภาครัฐที่จัดให้แก่คู่สมรสและบุตร การลดหย่อนภาษีเงินได้ การรักษาพยาบาล การรับบุตรบุญธรรม การรับมรดก ความหมายของครอบครัวยุคใหม่จึงเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก ถ้ากฎหมายและระบบสวัสดิการปรับตัวไม่ทัน เราก็จะละเลยกีดกันคนจำนวนไม่น้อยที่อยู่ในครอบครัวหลากหลายรูปแบบ ดังนั้นจะต้องเปิดโอกาสให้เยาวชนคนรุ่นใหม่เข้ามามีบทบาทในกระบวนการพัฒนานโยบายสาธารณะให้มากขึ้นด้วย" ณัฐยา กล่าว


จากการทำเวิร์กช็อป คนทำงานด้านเด็กและเยาวชนถอดรหัสได้ว่า การศึกษาทำให้ครอบครัวต้องแยกจากกัน อีกทั้งด้วยอาชีพการงานทำให้ต้องแยกออกจากครอบครัว ดังนั้นการกำหนดนโยบายครอบครัวไม่สามารถนำข้อมูลสถิติตัวเลขออกมาเป็นนโยบายได้ สิ่งเหล่านี้เป็นความต้องการที่ละเอียดอ่อน บางครั้งครอบครัวไทยทุกวันนี้ต่างคนต่างอยู่ พ่ออยู่ทาง แม่อยู่ทาง คนละจังหวัด และลูกอยู่อีกทาง เพราะต่างคนต้องทำงานและเรียนหนังสือ ถ้าเราตั้งคำถามที่ไม่ละเอียดเพียงพอเราก็จะได้สถานการณ์ที่เกี่ยวกับครอบครัวที่ไม่เจาะลงไปเท่าที่ควร ขณะเดียวกันก็ต้องตั้งคำถามด้วยว่าธุรกิจนายจ้างเป็นมิตรกับครอบครัวเพียงพอหรือไม่ ทำให้เขามีเวลาที่มีคุณภาพอยู่ร่วมกันได้มากขึ้นหรือไม่ ระบบการศึกษา ระบบอาชีพเอื้ออำนวยต่อความเป็นครอบครัวได้หรือไม่ "ด้วยความจำเป็นทางการศึกษาเด็กจึงต้องแยกออกจากครอบครัวในสังคม 4.0 ต่อไปจะเป็น 5.0 เทคโนโลยีมีบทบาทมาก จะเชื่อมต่อความสัมพันธ์ในครอบครัวเข้าด้วยกัน สายใยความผูกพันติดต่อถึงกันเมื่อไหร่ก็ได้รับการตอบรับ เมื่อมีเรื่องทุกข์ใจก็พร้อมรับฟัง"


อิทธิพล ทองแดง ประธานสภาเด็กและเยาวชน จังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า จากการประชุมเชิงปฏิบัติการของตัวแทนเยาวชนจำนวน 91 คน ใน 21 จังหวัด เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองเยาวชนต่อครอบครัวไทย ระหว่างวันที่ 26-28 มี.ค. ได้คำตอบว่าครอบครัวที่เยาวชนชอบคือได้ใช้เวลาและทำกิจกรรมร่วมกัน ความเข้าใจและรับฟังปัญหาทุกเรื่อง เรื่องการเรียน ความรัก ปัญหาที่เยาวชนไม่อยากให้เกิดขึ้นในครอบครัวตัวเองคือปัญหาการหย่าร้าง การแยกทางของพ่อแม่ ส่งผลต่อความรู้สึกของลูก ถูกสังคมตีตราว่าเป็นเด็กที่มีปัญหา ความรุนแรงในครอบครัวจากการทะเลาะวิวาทกันด้วยถ้อยคำรุนแรง ประชดประชัน ใช้อารมณ์มากกว่าการใช้เหตุผล หลายครั้งใช้ความเงียบเป็นอาวุธ ไม่คุยกัน ทำให้เด็กรู้สึกอึดอัดใจ สาเหตุการทะเลาะวิวาทของพ่อแม่คือเรื่องดื่มสุรา เล่นการพนัน พ่อดื่มมากจนต้องออกจากงาน ปัญหาเศรษฐกิจในครอบครัว ปัญหาการนอกใจ ปัญหาช่องว่างระหว่างวัย และยังมีปัญหาการเกี่ยงกันในการดูแลผู้สูงอายุ รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลผู้สูงอายุ


สิ่งที่เยาวชนอยากเห็นมากที่สุดก็คือ การใช้เวลาอยู่ร่วมกันในครอบครัวให้มากยิ่งขึ้น การแสดงความรักความอบอุ่นต่อกัน บางครอบครัวอยู่ด้วยกันแต่ก้มหน้าก้มตาอยู่กับโทรศัพท์มือถือ เครื่องมือไอทีโดยไม่สบตากัน ดังนั้นทั้งเยาวชนและพ่อแม่ต้องลดเวลาเพื่อจะ Line แต่ให้เพิ่มเวลาระหว่างกันในครอบครัวให้มากยิ่งขึ้น สิ่งที่เยาวชนคาดหวังเป็นอย่างมากจากชุมชนและคนรอบข้าง คือ ลดการนินทาว่าร้ายใส่กัน รวมทั้งปัญหาที่พ่อแม่เชื่อคำฟ้องของเพื่อนบ้านและคนรอบข้างมากกว่าที่จะเชื่อคำพูดของลูกตัวเอง การจ้องจับผิด การนำมาเปรียบเทียบระหว่างลูกบ้านโน้นลูกบ้านนี้ ภาครัฐควรให้การสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเรียนให้เป็น Free Education ที่แท้จริง เพื่อลดภาระของครอบครัว เป็นการเปิดโอกาสคุณแม่วัยใสได้มีโอกาสทางการศึกษา มีอาชีพและมีที่ยืนในสังคมด้วย


เสาวลักษณ์ พูลสวัสดิ์ เครือข่ายสภาเด็กเทศบาลตำบลฉลุง จ.สตูล กล่าวว่า ในโลกความเป็นจริง ครอบครัวไทยบางครอบครัวไม่มีพร้อมหน้าพร้อมตาเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ "พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่หนูอายุ 7 ขวบ อยู่ดีๆ พ่อหนูก็หายตัวไป แม่ก็ปลอบโยนลูกๆ ว่าแม่จะเลี้ยงดูเอง หนูมีพี่สาว 1 คน น้องชายอีก 1 คน แม่เลี้ยงหนูและน้องชาย ส่วนพี่สาวไปอยู่กับป้า จากเดิมที่ครอบครัวเราอบอุ่น พ่อกลับมามีเงินจุนเจือในครอบครัว เมื่อพ่อหายไปจากครอบครัว แม่ต้องกู้เงินนอกระบบเพราะปัญหาหมุนเงินไม่ทัน เป็นหนี้สินพอกหางหมูมาเรื่อยๆ แทนที่จะเป็นพระมาบิณฑบาตตอนเช้ากลายเป็นเจ้าหนี้มาทวงหนี้ ตอนนั้นเราคิดแต่ว่าเราต้องตั้งใจเรียนหนังสือเพื่อลดภาระของแม่ ดูแลน้อง ตอนหลังแม่ตัดสินใจไปทำงานที่ประเทศมาเลเซียเพื่อจะได้มีเงินรายเดือนส่งลูกเรียน หนูจึงอยู่กันสองคนพี่น้อง หนูก็เรียนไปด้วยหางานทำไปด้วย ตราบใดที่เราไม่มีทุนทรัพย์เราก็ไม่มีทางออกในชีวิต ขณะนี้มีคนในสังคมยื่นมือมาช่วยเหลือเราเป็นของขวัญสำหรับครอบครัวเรา"


"หนูขอยืนยันว่า ไม่ว่าสังคมจะเป็นแบบไหน คนรอบข้างจะเป็นอย่างไร สถานะที่เราเป็นคนยากจน ความเป็นมนุษย์นั้นเป็นสิ่งที่มีค่าเท่ากัน มีความสามารถทำสิ่งดีๆ ในสังคมได้ บางคนไม่ชอบการแสดงออกอย่างชัดเจน แต่หนูมีความเชื่อมั่นว่าทุกคนมีสิ่งเล็กๆ อยู่ในใจ ไม่มีใครที่จะเป็นคนไม่ดีทั้งหมด เราทำให้เป็นหลักในครอบครัวอยู่ในสังคมได้ ไม่ว่าจะเจอปัญหามากเท่าไหร่ ตราบใดที่เรามีภูมิคุ้มกันเผชิญกับปัญหาและแก้ไขพร้อมกับการอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข" เสาวลักษณ์ กล่าวให้ข้อคิดปิดท้ายในฐานะเยาวชนหญิงคนเดียวบนเวที

Shares:
QR Code :
QR Code