สานพลังเจ้าหน้าที่ความปลอดภัย (จป.) ในการทำงาน เสริมสร้างการลดอุบัติเหตุในองค์กร

เรื่องโดย : พงศ์ศุลี จีระวัฒนรักษ์ Team Content www.thaihealth.or.th

ข้อมูลจาก : งาน เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ จป. ผู้นำการสร้างสุขภาวะองค์กร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566

ภาพโดย : ฐิติชญา สัมปุรณะพันธุ์ Team Content www.thaihealth.or.th และแฟ้มภาพ

จาก เหตุการณ์โศกนาฏกรรมไฟไหม้รุนแรงครั้งใหญ่ที่สุด ในสถานประกอบการ ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2536 ซึ่งในเหตุการณ์นั้น มีจำนวนผู้เสียชีวิตที่สูงถึง 188 คน และ บาดเจ็บกว่า 400 คน คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2540 กำหนดให้ ทุกวันที่ 10 พฤษภาคมของทุกปี เป็นวันความปลอดภัยในการทำงานแห่งชาติ เพื่อรำลึกถึงเหตุโศกนาฏกรรมในสถานประกอบการ เมื่อปี 2536

                    ย้อนไปเมื่อ วันที่ 10 พฤษภาคม วันความปลอดภัยในการทำงานแห่งชาติ ปี 2566 กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และภาคีเครือข่าย จัด“เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ จป. ผู้นำการสร้างสุขภาวะองค์กร” ขึ้นที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ  เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและต้องการบอกเล่าเรื่องราวถึงการขยายผลความร่วมมือขับเคลื่อนมาตรการเชิงป้องกันสู่การเป็นผู้นำการขับเคลื่อนองค์กรสุขภาวะทั่วประเทศ

                    ชัดเจนกับความมุ่งหมายให้สถานประกอบการแต่ละที่เข้าใจถึงการต้องมี “เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน” (จป.) ในทุกองค์กร คอยปฏิบัติหน้าที่และดูแลด้านความมั่นคงปลอดภัยให้ผู้ปฏิบัติงาน อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีอย่างเคร่งครัด

                    เท่ากับเป็นมาตรการเชิงรุกใส่ใจในการป้องกันอันตราย ที่อาจเกิดขึ้นทั้งจากเครื่องจักรและความประมาทเลินล่อของบุคลากรในพื้นที่ปฏิบัติงาน ที่อาจนำไปสู่การการบาดเจ็บ เจ็บป่วย หรือสูญเสียชีวิต รวมทั้งผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมโดยรอบ

                    นายนิยม สองแก้ว อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน กล่าวถึงความสำคัญบน “เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ จป. ฯ ครั้งนี้ว่า… ภายใต้โครงการพัฒนาศักยภาพและบทบาทหน้าที่เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานด้านสุขภาวะองค์กรและเพื่อเป็นผู้นำการขับเคลื่อนองค์กรสุขภาวะ ได้เปิดโอกาสให้นายจ้าง ลูกจ้าง เจ้าหน้าที่ภาครัฐ นักเรียน นักศึกษา ประชาชนทั่วไปเข้ามาร่วม พบว่าตลอดระยะเวลาการดำเนินโครงการฯ 2 ปีที่ผ่านมา สถานประกอบกิจการ 1,064 แห่ง มี จป. ที่ตระหนักรู้ มีจิตสำนึกที่ดี ป้องกันอุบัติเหตุและโรคจากการทำงาน เข้าร่วมอบรมกว่า 1,848 คน ซึ่งน่ายินดีว่าได้นำองค์ความรู้ไปขยายผลพัฒนากิจกรรมตามบริบทของสถานประกอบกิจการได้อย่างถูกต้อง นำไปสู่การยกระดับเป็นสถานประกอบกิจการต้นแบบได้ถึง 58 แห่ง

                    ขณะเดียวกัน นายพงษ์ศักดิ์ ธงรัตนะ  ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะองค์กร สสส. กล่าวเพิ่มเติมว่า “สสส. มุ่งพัฒนาสุขภาวะ “คนทำงาน ในองค์กร”ซึ่งกำลังหลักของครอบครัว องค์กร ชุมชน และสังคม ซึ่งที่ผ่านมา สสส. สานพลัง กระทรวงแรงงาน และภาคีเครือข่าย พัฒนานวัตกรรมชุดความรู้ในการสร้างเสริมสุขภาพสู่นโยบายสุขภาวะองค์กร มีความเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมเรื่องความปลอดภัยทุกพื้นที่การทำงานสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของแรงงานในองค์กรด้วย”

                    ที่ผ่านมา สสส. สานพลัง กระทรวงแรงงาน และภาคีเครือข่าย พัฒนานวัตกรรมชุดความรู้ในการสร้างเสริมสุขภาพสู่นโยบายสุขภาวะองค์กร ภายใต้แนวคิด Happy Workplace ทั้งมาตรการสุขภาวะองค์รวมของวัยทำงาน (Total Worker Health) ชุดความรู้สุขภาพ 10 Packages และมาตรการ COVID Free Setting ในสถานประกอบกิจการ รวมถึงคู่มือการส่งเสริมสุขภาวะในองค์กร

                    อาทิ คู่มือ Healthy Meeting ประชุมได้ผล คนได้สุขภาพ คู่มือการส่งเสริมมุมนมแม่ คู่มือเลิกบุหรี่ มุ่งเสริมความรู้ด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ให้มีทักษะผู้นำสุขภาวะ ทำหน้าที่ดูแลสุขภาพแรงงานในพื้นที่ครอบคลุมทุกมิติ” ผู้สนใจข้อมูลติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.happy8workplace.com

                    คราวนี้ลองมาติดตามดูว่า “เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน” (จป.)  ตามกฎกระทรวง คือ บุคคลที่ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่หลักในการป้องกันอุบัติเหตุ ดูแลทุกกิจกรรมการทำงานขององค์กรเพื่อเตรียมพร้อมต่อสถานการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ ให้เกิดความปลอดภัย ในสถานประกอบกิจการ พ.ศ. 2565 มีคุณสมบัติและหน้าที่โดยสรุปมีอะไรบ้าง ดังนี้

                    โดยในปัจจุบัน เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับวิชาชีพ ต้องจบสายตรงวุฒิการศึกษาสาขา อาชีวอนามัยและความปลอดภัย หรือ เทียบเท่าจากสถาบันการศึกษาที่เปิดสอน จป.วิชาชีพ มีหน้าที่สำคัญสรุปได้ดังนี้

# ตรวจสอบและประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัย การปฏิบัติงานของสถานประกอบกิจการ และสภาพแวดล้อม เสนอแนะให้ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อม ให้เป็นไปตามแผนงานหรือมาตรการความปลอดภัยในการทำงาน

# หาสาเหตุ และวิเคราะห์โดยชี้บ่งการประสบอันตราย และกำหนดมาตรการด้านความปลอดภัยในการทำงานที่เหมาะสมพัฒนาต่อเนื่อง รวมทั้งการเจ็บป่วยหรือการเกิดเหตุเดือดร้อนรำคาญอันเนื่องจากการทำงาน และเสนอรายงานผล แนะแนวและขั้นตอนทางแก้ไขปัญหา เสนอต่อนายจ้างโดยไม่ชักช้า

# วิเคราะห์แผนงาน รวบรวมสถิติ ข้อมูล และข้อเสนอแนะ เกี่ยวกับการประสบอันตรายการเจ็บป่วย หรือการเกิดเหตุเดือดร้อนรำคาญ มาตรการความปลอดภัย อันเนื่องจากการทำงานของหน่วยงาน ต่อนายจ้าง

# แนะนำ ฝึกสอน และอบรมลูกจ้างให้ปฏิบัติตามคู่มือว่าด้วยความปลอดภัยอาชีวอนามัย และ ด้านโรคภัยจากการประกอบอาชีพ ตลอดสภาพแวดล้อมในสถานประกอบการ แก่ลูกจ้างก่อนเข้าทำงานและระหว่างทำงาน เพื่อทบทวนความรู้อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

# ปฏิบัติงานด้านความปลอดภัยในการทำงานอื่น ตามที่นายจ้างมอบหมาย

                    สสส.และภาคีเครือข่าย เชื่อมั่นว่า ความร่วมมือการเสริมสร้างความปลอดภัยในที่ทำงานจากองค์กรทุกภาคส่วน จะเป็นส่วนสำคัญไม่เพียงแค่มุมการสร้างสุขเท่านั้น แต่ยังเป็นการผลักดันคนในองค์กรเกิดแรงบันดาลใจให้สามารถสร้างสรรค์นวัตกรรม เพื่อการพัฒนาในเชิงคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศชาติต่อไปได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

Shares:
QR Code :
QR Code