สานพลังตัดตอนปัญหาพฤติกรรมเสี่ยงในวัยรุ่น สู่การสร้างรากฐานแข็งแกร่งแรงงานไทยในอนาคต
เรื่องโดย : พงศ์ศุลี จีระวัฒนรักษ์ Team Content www.thaihealth.or.th
ข้อมูลจาก : พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ การพัฒนาเครือข่ายและหนุนเสริมศักยภาพครูและแกนนำ นักศึกษาอาชีวศึกษา ป้องกันปัจจัยเสี่ยง (เหล้า – บุหรี่-อุบัติเหตุ) ในสถานศึกษา
ภาพโดย ฐิติชญา สัมปุรณะพันธุ์ Team Content www.thaihealth.or.th และแฟ้มภาพ
พฤติกรรมเสี่ยงในวัยรุ่น คือ พฤติกรรมที่นำมาซึ่งทำให้เกิดความเสี่ยงในการดำเนินชีวิต ทำให้ตนเองเกิดอันอันตรายโดยประมาท เนื่องจากต้องการเป็นที่ยอมรับของคนอื่น อยากรู้อยากเห็นอยากลอง ต้องการความสนุกสนาน ตื่นเต้นท้าทาย ขาดการยั้งคิด ควบคุมตนเอง นำมาซึ่งความสูญเสียโอกาสและหน้าที่การงานตามมามากมายในชีวิต
การหาทางป้องกันพฤติกรรมเสี่ยงในวัยรุ่น ซึ่งกำลังจะเติบโตเป็นฐานแรงงานไทยในอนาคตที่แข็งแกร่งมีคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญ จำเป็นต้องหาทางป้องกันปัญหาที่จะส่งผลเสียหายที่จะตามมา
ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้กล่าวในภาพรวม เยาวชนไทยที่กำลังเผชิญกับปัญหาการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน ตั้งแต่ ปี 2554-2564 จากข้อมูล อันดับ 1 เป็นกลุ่มวัยรุ่นในช่วงอายุ 15-19 ปี รองลงมาเป็นกลุ่มวัยรุ่นเพศชายเสียชีวิต ในช่วงอายุ 20-24 ปี มากกว่าเพศหญิง ถึง 4-5 เท่า สาเหตุหลักเกิดจากการดื่มแล้วขับ , การใช้ความเร็วเกินกำหนด และการไม่สวมหมวกนิรภัย
“ในสถานการณ์การสูบบุหรี่ พบว่า กลุ่มลูกค้าหน้าใหม่ที่เริ่มลองสูบบุหรี่ เป็นกลุ่มเยาวชนที่มีอายุไม่ถึง 25 ปี สูงมากกว่า 90% โดยสถิติการสูบบุหรี่ไฟฟ้านั้นยิ่งน่าห่วง พบกลุ่มเยาวชนอายุ 15-24 ปี มีอัตราการสูบบุหรี่ไฟฟ้าสูงถึง 30.5% จากผู้สูบทั้งหมด 78,742 ราย เนื่องจากยังมีความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับอันตรายจากบุหรี่ไฟฟ้า ที่มีทั้งสารนิโคตินซึ่งมีผลในการทำลายสมองเด็กและเยาวชนที่ยังไม่เติบโตเต็มที่ และยังมีสารเคมีที่ทำให้เกิดโรคปอดข้าวโพดคั่ว ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีวิธีที่สามารถรักษาให้หายขาดได้อีกด้วย” ดร.สุปรีดา กล่าวเพิ่มเติม
“นอกจากนี้ ตัวเลขของนักสูบหน้าใหม่ที่เป็นเยาวชนอายุระหว่าง 15-24 ปีที่สูงกว่า 90% นั้น สามารถเรียกได้เลยว่าเป็นช่วงอายุที่เป็น 10 ปีทองของการริลองบุหรี่ ซึ่งการริเริ่มเป็นนักสูบหน้าใหม่นั้น สามารถสร้างผลกระทบลูกโซ่ไปสู่การเป็นนักดื่มหน้าใหม่ ต่อเนื่องไปถึงการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนอันเนื่องมาจากการดื่มแล้วขับได้อย่างน่าเหลือเชื่อ” ดร.สุปรีดา กล่าวย้ำ
จากที่กล่าวมาข้างต้น เราจะพบว่าการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน รวมถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการริลองบุหรี่ สารเสพติด และแอลกอฮอล์นั้น สามารถสร้างความเสียหายในกลุ่มเยาวชน ซึ่งจะเติบโตไปเป็นกำลังสำคัญของชาติได้อย่างใหญ่หลวง
เพื่อเป็นการป้องกันการสูญเสียบุคลากรแรงงานอาชีพของชาติในอนาคต จึงเป็นที่มาถึง การร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือพัฒนาเครือข่ายและหนุนเสริมศักยภาพครูและแกนนำนักศึกษาในสถานศึกษา อาชีวะ ระหว่าง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กับ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2566 โดยมีผู้บริหารวิทยาลัยอาชีวศึกษา 45 แห่งทั่วประเทศ เข้าร่วมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเยาวชนนักศึกษาได้รู้เท่าทันปัจจัยเสี่ยง (เหล้า – บุหรี่ – อุบัติเหตุ) เพื่อเป็นการสานพลัง สร้างเสริมสุขภาวะที่ดีให้แก่เยาวชนนักศึกษาอาชีวะต่อไป
โดยเฉพาะการดำเนินงานควบคุมปัจจัยเสี่ยง อาทิ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า อย่างยาเสพติด และอุบัติเหตุ อันเป็นต้นเหตุสู่ปัจจัยเสี่ยงที่จะตามมาในอนาคต
ร.ท. สมพร ปานดำ รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) กล่าวว่า “สอศ. มุ่งผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษาสมรรถนะสูงเพื่อการพัฒนาประเทศ ให้เป็นผู้มีความรู้ ความสามารถและทักษะวิชาชีพ และยังจำเป็นต้องมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีด้วยเช่นกัน การขับเคลื่อนศูนย์อาชีวศึกษาปลอดภัย สอศ. (safety) จึงเป็นนโยบายเร่งด่วน เพื่อมุ่งสู่การเป็นสถานศึกษาแห่งความสุข เช่นกัน”
ดังนั้นกิจกรรมที่ร่วมสานพลัง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยสอดแทรกองค์ความรู้ไปด้วยกัน จะเป็นประโยชน์ช่วยป้องกันปัจจัยเสี่ยงและส่งผลต่อผู้เรียนในหลายด้าน ทั้งผลการเรียน สุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี ลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุ และการสูญเสียจากอุบัติเหตุลดลง” รองเลขาธิการ สอศ. กล่าว
จากการได้สัมภาษณ์ นายศุภลักษณ์ ปอนเกษม รองผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษาขอนแก่น กล่าวว่า “ปัญหาหลักนักศึกษา คือ เรื่องของบุหรี่ และบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งตัวนักศึกษาส่วนใหญ่มีความอยากลอง เพราะโฆษณาชวนเชื่อที่ให้ข้อมูลว่า บุหรี่ไฟฟ้าไม่มีพิษ” ซึ่งทางวิทยาลัยได้ทำข้อตกลงร่วมมือกับสาธารณสุข ในการให้ความรู้ เชิญผู้ปกครองเข้าพบพูดคุยถึงปัญหาของบุหรี่ไฟฟ้า ที่คาดว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้นหลังจากนี้”
นายชาตรี คงแป้น รองผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต กล่าวว่า “ภายในวิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ตนั้น แทบไม่พบปัญหาเกี่ยวกับการใช้บุหรี่ หรือการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เลย เพราะวิทยาลัยจะใช้วัฒนธรรมองค์กร “อาชีวะเป็นหนึ่ง” ในการดำเนินการเชิงป้องกัน รวมไปถึงการรณรงค์แบบรุ่นสู่รุ่นสร้างความเข้าใจ และติดตามผลประเมินถึงพฤติกรรมเสี่ยงจากครูที่ปรึกษา ดูแลนักศึกษาถึงบ้าน มีการเก็บประวัติ เพื่อให้เกิดการป้องปรามตั้งแต่ต้น”
นายยุทธการ ตั้งปัญญาศักดิ์ รองผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงราย กล่าวว่า “ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดภายในวิทยาลัยเป็นเรื่องบุหรี่ โดยมีวิธีแก้ไขปัญหาโดยรณรงค์ถึงโทษเป็นประจำ และสนับสนุนให้นักศึกษาใช้เวลาว่างไปกับการเล่นกีฬา และออกกำลังกายมากกว่า ผลจากการดำเนินนโยบาย สังเกตได้จากภายในห้องน้ำที่เคยมีก้นกรองบุหรี่ทิ้งอยู่เยอะมาก ก็ลดน้อยลง”
วิทยาลัยอาชีวศึกษาปัตตานี โดย นายชิตคุณ ศุภกุล รองผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษาปัตตานี ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “ปัญหาเรื่องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แทบไม่ปรากฎ เพราะเป็นพื้นที่ของผู้นับถือศาสนาอิสลามเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งปัญหาใหญ่จริง ๆเรื่องของอุบัติเหตุจากการขับขี่มากกว่า ก็ได้ร่วมมือกับกรมขนส่งทางบก มาให้ความรู้ด้านขับขี่ปลอดภัยในทุกมิติ ทั้งรณรงค์สวมหมวกกันน็อค ด้านกฎหมาย กฎจราจร ซึ่งปี 2566 นักศึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษาปัตตานี ตัวเลขอุบัติเหตุบนท้องถนนของว่า ยังเป็น 0 อีกด้วย”
สสส. มีความมุ่งมั่นทุ่มเทในการสร้างพื้นฐานสุขภาวะที่ดีในวัยรุ่น และเยาวชน เพื่อเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างอนาคตที่แข็งแกร่งเพื่อให้เยาวชนไทย เติบโตเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติต่อไป