สานพลังการก้าวข้ามขีดจำกัดเพื่อภาคใต้แห่งความสุข ครั้งที่ 11

ที่มา : ไทยโพสต์


ภาพโดย สสส.


สานพลังการก้าวข้ามขีดจำกัดเพื่อภาคใต้แห่งความสุข ครั้งที่ 11 thaihealth


สสส.- สจรส.ม.อ. พร้อมภาคีเครือข่ายด้านสุขภาพ จัดเวที "สร้างสุขภาคใต้" ครั้งที่ 11 "สานพลังการก้าวข้ามขีดจำกัดเพื่อภาคใต้แห่งความสุข"


เปิดเวทีแลกเปลี่ยนความรู้ความต้องการใหม่ ๆ เพื่อการสร้างเสริมสุขภาพแบบองค์รวมในระดับภูมิภาค พร้อมลงพื้นที่ต้นแบบสร้างเสริมสุขภาพภาคใต้ดูงาน "คลังอาหารชุมชน" บ้านดอนโรงสู่การลดโรคเบาหวานจนเป็นศูนย์ และการออกกำลังกายสไตล์ "โนราบิค" ของบ้านป่าไหม้ "ขยับเท่ากับลดโรค"


เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่โรงแรมนิภาการ์เด้น อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ สถาบันการจัดการระบบสุขภาพภาคใต้ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (สจรส.ม.อ.) สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กระทรวงสาธารณสุข สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน และเครือข่ายสถาบันอุดมศึกษาภาคใต้ตอนล่าง จัดงานประชุมวิชาการสร้างสุขภาคใต้ ประจำปี 2562 ครั้งที่ 11 ภายใต้ชื่องาน “สานพลังการก้าวข้ามขีดจำกัดเพื่อภาคใต้แห่งความสุข” เพื่อเป็นเวทีแสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนประสบการณ์และพัฒนานโยบายสาธารณะในระดับพื้นที่ เพื่อกำหนดทิศทางและกลไกการขับเคลื่อนงานด้านสุขภาวะในพื้นที่ภาคใต้ทื่ยั่งยืน


สานพลังการก้าวข้ามขีดจำกัดเพื่อภาคใต้แห่งความสุข ครั้งที่ 11 thaihealth


นพ.วีระพันธ์ สุพรรณไชยมาตย์ รองประธานกรรมการกองทุน สสส. คนที่ 2 กล่าวว่า ข้อเสนอเชิงนโยบายที่เกิดขึ้นจากวันนี้จะเป็นแนวทางหนึ่งที่นำไปสู่การพัฒนาภาคใต้ตามแผนพัฒนาภาคใต้ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ที่ระบุทิศทางภาคใต้ไว้ 6 เรื่อง โดยสอดคล้องกับเรื่องการพัฒนาการผลิตสินค้าเกษตรหลักของภาคและสร้างความเข้มแข็งสถาบันเกษตรกร และอนุรักษ์ ฟื้นฟู และบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบ ซึ่งจะต้องทำงานบูรณาการเชื่อมร้อยกับทุกภาคส่วนเพื่อก้าวข้ามขีดจำกัด เพื่อเชื่อมโยงกับสถานการณ์ปัญหา โดยใช้กลไกที่มีในพื้นที่ดำเนินงานและหนุนเสริมการทำงานไปด้วยกัน เช่น กลไกกองทุนตำบล เพื่อให้เกิดการพัฒนาภาคใต้อย่างมีประสิทธิภาพและนำไปสู่ความสุขของคนใต้อย่างยั่งยืน


ด้าน ผศ.ดร.ภก.พงค์เทพ สุธีรวุฒิ ผู้อำนวยการสถาบันการจัดการระบบสุขภาพมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (สจรส. ม.อ.) กล่าวว่า พลังของภาคีเครือข่ายในพื้นที่ถือเป็นกลไกสำคัญยิ่งที่จะหนุนเสริมการทำงานไปด้วยกัน เพื่อให้เกิดการพัฒนาภาคใต้อย่างมีประสิทธิภาพและนำไปสู่ความสุขของคนใต้อย่างยั่งยืน ซึ่งต้องอาศัยการสานพลังร่วมกันของภาคีเครือข่ายทุกระดับ ทุกหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นภาควิชาการ ภาครัฐ ภาคท้องถิ่น ภาคประชาสังคม หรือชุมชน เพื่อขับเคลื่อนงานด้านสุขภาพได้อย่างรอบด้าน เพราะเวลาเคลื่อนงานจริง ๆ ต้องอาศัยฐานข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ ทั้งฐานวิชาการ ฐานความรู้ ฐานปัญญาในชุมชน แล้วนำมาพูดคุยแลกเปลี่ยน หาแนวทางแก้ปัญหา ตกผลึก และสรุปผลร่วมกันเพื่อให้เกิดกลไกการขับเคลื่อนดำเนินงานสร้างสุขภาวะที่ดีของคนใต้เดินหน้าต่อไปได้


สานพลังการก้าวข้ามขีดจำกัดเพื่อภาคใต้แห่งความสุข ครั้งที่ 11 thaihealth


ดร.ณัฐพันธุ์ ศุภกา รักษาการผู้อำนวยการสำนักพัฒนาภาคีสัมพันธ์และวิเทศสัมพันธ์ สสส. กล่าวปิดท้ายว่า  สสส.พร้อมด้วย 4 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และองค์กรภาคีเครือข่ายต่าง ๆ ในพื้นที่ภาคใต้ ร่วมกันดำเนินการจัดงานสร้างสุขภาคใต้ในช่วงตลอดระยะเวลา 13 ปีที่ผ่านมา ซึ่งการประชุมวิชาการนี้เป็นเวทีหนึ่งที่ให้ทุกภาคส่วนในพื้นที่ได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนประสบการณ์ขับเคลื่อนเชิงพื้นที่ใน 5 ประเด็นหลัก ได้แก่ ความมั่นคงทางมนุษย์ ความมั่นคงทางสุขภาพ ความมั่นคงทางทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ความมั่นคงทางอาหาร และชุมชนน่าอยู่ ตำบลจัดการตนเอง จริยธรรมสื่อทางสุขภาวะ ซึ่ง สสส. ได้สนับสนุนการขับเคลื่อนงานของภาคีสุขภาวะที่เกี่ยวข้องให้เกิด “ความเป็นเครือข่ายสุขภาวะ” มุ่งเน้นกระบวนการสานงานเสริมพลังข้ามประเด็นข้ามพื้นที่และมีความต่อเนื่อง สร้างเครือข่ายใหม่ในการขับเคลื่อนงานสู่การก้าวข้ามขีดจำกัดเพื่อสุขภาวะ และพัฒนาระบบสื่อสารในลักษณะการสานพลัง และยกระดับความรู้และนวัตกรรมสู่การพัฒนาเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายที่เป็นเป้าหมายร่วมคือสุขภาวะของคนใต้ และได้มีการลงพื้นที่ดูงานหมู่บ้านต้นแบบที่บ้านดอนโรงและบ้านป่าไหม้ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักสร้างสรรค์ โอกาสและนวัตกรรม (สน.6) สสส. ในการจุดประกายให้ผู้นำและคนในชุมชนมองเห็นสถานการณ์ปัญหาภายในชุมชนตนเอง


สานพลังการก้าวข้ามขีดจำกัดเพื่อภาคใต้แห่งความสุข ครั้งที่ 11 thaihealth


อย่างเช่นที่บ้านดอนโรง ประชากรส่วนใหญ่มีปัญหารายได้ไม่เพียงพอ สภาพดินไม่เอื้อกับการทำเกษตรกรรม สสส. จึงผลักดันให้ชุมชนพึ่งพาตนเองได้ด้วยการสนับสนุนความรู้ทางวิชาการ สร้างโอกาสในการแก้ไขปัญหาปากท้อง จนเกิดเป็น "คลังอาหารชุมชน" ส่งเสริมอาชีพเพิ่มพูนรายได้จากการทำผลิตภัณฑ์ปลาดุกร้า เลี้ยงจิ้งหรีด เพาะเห็ด ฯลฯ ส่วนเหตุผลที่ต้องแก้ปัญหาเรื่องปากท้องก่อน เพราะ สสส. เชื่อว่าก่อนที่คนจะหันมาใส่ใจสุขภาพได้ความพร้อมทางด้านเศรษฐกิจครัวเรือนต้องมาก่อน และนอกจากการจุดประกายให้องค์กรรัฐต่าง ๆ เข้าร่วมสนับสนุนชุมชนให้เข็มแข็งมากขึ้นอีกด้วย สิ่งที่ สสส.จะดำเนินการต่อไปหลังจากนี้คือการทำให้ชุมชนภาคใต้ได้รู้จักกัน เปิดโอกาสให้แลกเปลี่ยนความรู้ความต้องการใหม่ ๆ เพื่อให้เกิดการสร้างเสริมสุขภาพแบบองค์รวมในระดับภูมิภาค


สานพลังการก้าวข้ามขีดจำกัดเพื่อภาคใต้แห่งความสุข ครั้งที่ 11 thaihealth


ในขณะที่ นายมนูญ พลายชุมชน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลพลายชุม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเขาพระบาท กล่าวว่า บ้านดอนโรงเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ดำเนินโครงการชุมชนน่าอยู่ ตำบลเขาพระบาท โดยได้รับการสนับสนุนจาก สสส. ตั้งแต่ปี 2560-2563 มีสภาผู้นำชุมชนเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนงาน ซึ่งมาจากกลุ่มเดิมคือกรรมการหมู่บ้านและรับสมัครตัวแทนในชุมชนจากกลุ่มต่าง ๆ และจิตอาสาที่เข้ามาร่วมกันพัฒนาหมู่บ้านด้วยความสมัครใจ ทุกกิจกรรมที่นำมาใช้ในการพัฒนาบ้านดอนโรงล้วนมาจากการร่วมคิด ร่วมวิเคราะห์ ร่วมกันทำ ของสภาผู้นำชุมชนและชาวบ้าน มีการประยุกต์แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงโดยใช้ประเด็น "คลังอาหารชุมชน" ผลิตอาหารที่ปลอดภัยไร้สารเคมี บ้านดอนโรงสามารถผลิตอาหารไว้บริโภคได้เอง พร้อมกับทำบัญชีครัวเรือนอยู่ตลอด วันนี้คนบ้านดอนโรงมีสุขภาวะที่ดี มีความเข้มแข็งมีอาชีพ มีรายได้ ป่วยน้อยลง โรคความดันโลหิตสูงไม่เพิ่มขึ้น กระทั่งบ้านดอนโรงไม่มีกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานหรือโรคเบาหวานเป็นศูนย์ และได้รับการยกระดับให้เป็นศูนย์เรียนรู้ด้านเศรษฐกิจพอเพียงในระดับอำเภอและล่าสุดในระดับจังหวัด


สานพลังการก้าวข้ามขีดจำกัดเพื่อภาคใต้แห่งความสุข ครั้งที่ 11 thaihealth


ด้าน นายสุทิน จำปาทอง ประธานกองสวัสดิการชุมชนเทศบาล ต.ท่างิ้ว กล่าวว่า ตำบลท่างิ้วประกอบด้วย 8 หมู่บ้าน มีประชาการ 10,000 กว่าคน ส่วนใหญ่มีอาชีพทำเกษตรและรับจ้างทั่วไป บ้านป่าไหม้เป็นอีกหมู่บ้านหนึ่งที่ชุมชนมีความเข้มแข็ง การขับเคลื่นงาน "ชุมชนน่าอยู่บ้านป่าไหม้" ทั้งชาวบ้านและผู้นำชุมชนเราทำงานร่วมกัน มีข้อมูลมีเกณฑ์ในการบอกถึงความก้าวหน้าและความสำเร็จในการบอกถึงความก้าวหน้าและความสำเร็จในการพัฒนาได้อย่างชัดเจน ด้านการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค เราได้ประยุกต์ใช้รูปแบบการออกกำลังกายสไตล์ "โนราบิค" ที่นำเอาวัฒนธรรมพื้นบ้านภาคใต้มาใช้ในการส่งเสริมสุขภาพตามแนวคิด" ขยับเท่ากับโรค" โดยได้รับความร่วมมือจาก รพ.สต.โคกพึง ในการประเมินสุขภาพก่อนการออกกำลังกาย  รูปแบบดังกล่าวนี้ส่งผลให้คนในชุมชนบ้านป่าไหม้มีสุขภาวะดี ลดปัญหาการเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรังต่าง ๆ อย่างได้ผล ด้านอาชีพ บ้านป่าไหม้เริ่มต้นจากทุกครัวเรือนปลูกผักเลี้ยงสัตว์กินเองบางอย่างแลกเปลี่ยนกันได้ และยกระดับไปสู่การทำเป็นอาชีพ ที่สำคัญคือต้องขอขอบคุณ สสส. ที่เข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนสร้างเครือข่ายในชุมชน มีการตั้งสภาชุมชน สนับสนุนด้านงบประมาณและวิชาการ ช่วยในคนในชุมชนเกิดความรู้ มีรายได้เพิ่มขึ้น และยังมีส่วนร่วมในการสนับสนุนให้คนในชุมชนเกิดการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน ช่วยสร้างความเข้มแข็งและความสามัคคีให้คนในชุมชนอีกด้วย

Shares:
QR Code :
QR Code