สัญญาประชาคมเรื่องการผลักดันนโยบายแห่งชาติ
การแก้ปัญหาวิกฤตความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้
เครือข่ายขับเคลื่อนสังคมเพื่อประชาชนมีสุข ร่วมกับภาคเครือข่ายในภาคใต้ จัดเวทีเสนอนโยบายแห่งชาติเพื่อสันติสุขภาวะพื้นที่ภาคใต้จังหวัด ปัตตานี เพื่อให้ภาคประชาชนได้เสนอแนวทางปัญหา โดยมีตัวแทนกลุ่มต่างๆ อาทิ ผู้แทนศาสนา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นการศึกษา เครือข่ายประมงพื้นบ้าน และกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงมาร่วมให้ความเห็น
นโยบายต่อไปนี้เป็นแนวทางร่วมที่ทุกภาคส่วนทั้งภาคประชาชน ภาควิชาการ และภาคการเมือง เห็นพ้องกันว่าจะเป็นนโยบายที่นำสันติสุขภาวะกลับสู่พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
1. การปฏิรูปโครงสร้างการบริหารจัดการเฉพาะพื้นที่
1.1 การปรับโครงสร้างการบริหารจัดการของ ศอบต. ให้เป็นองค์กรอิสระขึ้นตรงกับ นายกรัฐมนตรีโดยเป็นองค์กรที่มีคุณลักษณะดังนี้
*มีอำนาจในการตัดสินใจในการแก้ปัญหาและการวางแผนพัฒนา
*มีอำนาจเบ็ดเสร็จในเรื่องงบประมาณ
*มีอำนาจในการบริหารจัดการกำลังคนภาครัฐทุกสังกัด ที่มาปฏิบัติในพื้นที่ พิจารณาการย้ายข้าราชการเข้ามาในพื้นที่และการเสนอย้ายข้าราชการที่มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมออกนอกพื้นที่ รวมทั้งการจัดอบรม ปฐมนิเทศ การให้บำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษแก่ข้าราการที่มีผลงานดีเด่น
*ใช้การบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วม เช่น สัดส่วนของคณะกรรมการบริหารองค์กรให้มีคนในพื้นที่มากกว่าคนนอกพื้นที่
*คณะกรรมการบริหารองค์กรต้องเป็นที่ยอมรับจากประชาชนในพื้นที่
1.2 การใช้วิธีมุสลิมบูรณาการกับการปกครองส่วนท้องถิ่น โดยจัดให้มีสมัชชาประชาชน หรือ สภาชุมชนที่ใช้กระบวนการซูรอ เป็นกระบวนการในการพัฒนาเมืองแบบมีส่วนร่วม
2. การปฏิรูประบบความยุติธรรม
2.1 การจัดตั้งองค์กรอิสระเพื่อความยุติธรรมในพื้นที่ ขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี
โดยเป็นองค์กรที่มีคุณลักษณะดังนี้
*มีระบบการร้องเรียน ร้องทุกข์เพื่อความเป็นธรรมเป็นภาษาถิ่น
*มีระบบการ้องเรียนโดยเฉพาะเรื่องการเยียวยา
*บูรณาการและเชื่อมประสานกับระบบยุติธรรมของรัฐ
2.2 การตั้งผู้พิพากษาศาลซารีอะห์ในระบบยุติธรรมคดีครอบครัวและมรดก
2.3 การตั้งศูนย์นิติวิทยาศาสตร์ในชายแดนภาคใต้
3. การปฏิรูประบบการศึกษา
3.1 การคงความหลากหลายของการจัดการศึกษาในพื้นที่
3.2 พัฒนาคุณภาพการศึกษาทั้งสามัญศึกษา ศาสนศึกษา อิสลามศึกษา และอาชีพ ในโรงเรียนของรัฐ โรงเรียนเอกชน โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในพื้นที่ ทั้งด้านหลักสูตร และครูผู้สอนให้มีความเป็นเลิศ
3.3 การพัฒนาเป็นศูนย์กลางอิสลามศึกษาและอาหรับศึกษา
3.4 การจัดหลักสูตรในทุกระดับให้มีการศึกษาทั้งทางโลกและทางธรรม
3.5 การจัดการศึกษาเพื่อผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการ และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์
3.6 การจัดตั้งองค์กรเฉพาะเพื่อการแก้ปัญหาความรุนแรงที่เกิดกับครูการหยุดเรียนของนักเรียน
3.7 เสนอให้วันศุกร์วันเสาร์เป็นวันหยุดเรียนของโรงเรียนทุกประเภทในพื้นที่ เพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิต และวัฒนธรรมของท้องถิ่น และเป็นจุดเริ่มต้นของการยอมรับความหลากหลายของการจัดการด้านต่างๆในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
4. การปฏิรูประบบเศรษฐกิจ
4.1 การจัดการทรัพยากรธรรมชาติเพื่อขจัดความยากจน เช่น
*การฟื้นฟูนาร้าง
*การยกเลิกเรืออวนรุน อวนลาก เรือปั่นไฟปลากะตะ การมีพรบ.ประมงใหม่
4.2 การพัฒนาฝีมือแรงงานไทยในพื้นที่ให้มีความสามารถ มีทักษะ และส่งเสริมให้ไปทำงานในต่างประเทศ รวมถึงการดูแลแรงงานไทยในต่างประเทศ
4.3 การพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาล การเป็นครัวโลก
4.4 เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ และส่งเสริมการค้าไทย-มาเลเซีย
5. การปฏิรูปสังคม ประเพณี วัฒนธรรม
5.1 การจัดสวัสดิการสังคมภายใต้ ระบบซากาต
5.2 การพัฒนาให้เป็นพื้นที่ที่เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ความเป็นพหุวัฒนธรรมและความสมานฉันท์
5.3 สนับสนุนการสื่อสารสาธารณะ ให้อยู่บนฐานของความรู้ที่สังเคราะห์จากความเป็นจริงในพื้นที่
เพื่อนโยบายข้างต้น ถูกนำไปสู่การปฏิบัติให้เกิดมรรคผล พรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อแผ่นดิน และ พรรคชาติไทย จึงได้ตกลงร่วมกันเป็นสัญญาประชาคมและลงนามร่วมกันว่าจะร่วมกันผลักดันให้เกิดเป็นนโยบายแห่งชาติ เพื่อการแก้ปัญหาวิกฤตความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และสร้างรูปธรรมการดำเนินงานตามนโยบายอย่างเร่งด่วน
สสส. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ www.thaihealth.or.th สอบถาม 0-22980500 ต่อ 1222
เรื่องโดย : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สสส.
ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน
ภาพประกอบ : จากอินเทอร์เน็ต
Update 25-07-51