สสส.เผยสิงห์อมควันหน้าใหม่พุ่ง

ชี้เยาวชนเผาเงินปีละ 7.3 พันล้านบาท

 สสส.เผยสิงห์อมควันหน้าใหม่พุ่ง

          “รณรงค์แล้วก็ไม่ทำให้คนสูบบุหรี่น้อยลง ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ไม่จำเป็นต้องรณรงค์ หากจะช่วยก็ห้ามขายบุหรี่เลยเสียดีกว่า ก็น่าจะช่วยได้”

 

          ความคิดของใครหลายต่อหลายคนที่คิดแบบกำปั้นทุบดิบเช่นนี้ แต่ในความเป็นจริงก็ทราบกันดีอยู่ว่าไม่สามารถทำได้ หากไม่ให้ขายบุหรี่ก็ย่อมมีบุหรี่เถื่อน และยิ่งถ้าไม่รณรงค์ จำนวนผู้สูบบุหรี่รายใหม่ก็จะยิ่งเพิ่มสูงขึ้นกว่านี้อีก

 

          ในเมื่อการรณรงค์ยังคงต่อเนื่องไป สิงห์อมควันเจ้าเก่าก็มีทั้งที่กลับตัวทัน เลิกสูบบุหรี่ รายที่กลับตัวไม่ทันก็ล้มหายตายจากกันไป ดังนั้นกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจยาสูบคงหนีไม่พ้น สิงห์อมควันรุ่นเยาว์ ที่หวังว่าเป็นกลุ่มเป้าหมายใหม่ทางธุรกิจ เพราะทั้งยั่วยวนได้ง่ายระยะเวลาในการสูบกว่าที่พิษภัยจะตามทันก็อีกหลายปี จึงทำให้เยาวชนทั่วโลกตกเป็นเหยื่อของธุรกิจอมควันนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ด้วยกลยุทธ์การหลอกล่อนานัปการ!!!

 

          จากข้อมูลของศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) ที่สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) พบว่า แค่ในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา มีแนวโน้มสูบบุหรี่ลดลงในทุกกลุ่มอายุ ยกเว้นกลุ่มเยาวชนที่สูบบุหรี่เพิ่มขึ้นปี 2550 มีเยาวชนถึง 1.6 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2549 ประมาณ 1 แสนคน โดยกลุ่มอายุ 15-18 ปี เพิ่มขึ้น 2.6 หมื่นคน กลุ่มอายุ 19-24 ปี เพิ่มขึ้น 1 หมื่นคน

 

          ส่วนหนึ่งเกิดจากกลยุทธ์ของบริษัทบุหรี่ ที่พยายามผลิตบุหรี่แบบแปลกๆ ใหม่ๆ เช่น บุหรี่ชูรส ปรุงกลิ่น เพื่อหลอกล่อเยาวชนเพิ่มให้เป็นลูกค้าหน้าใหม่ต่อไป!!!

 

          สิ่งนี้เองที่ทำให้ผลการวิจัยยืนยันได้อย่างชัดเจนว่า เยาวชนใช้เงินซื้อบุหรี่เฉลี่ยวันละ 10-12 บาทต่อคน คิดเป็นวันละกว่า 20 ล้านบาท แค่ปีหนึ่งก็ตก 7.3 พันล้านบาท นี่ยังไม่รวมถึงกลุ่มเยาวชนกลุ่มอื่นและความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นกับอนาคตของชาติด้วยเช่นกัน

 

          ด้วยวัยที่อยากรู้ อยากลอง อยากเท่ตามกระแส อยากรู้สึกว่าตัวเองโต มีมาด นั่นแหละ นิสัยของวัยรุ่น โดยเฉพาะวัยรุ่นหญิงที่มีความอ่อนไหวยึดถือเรื่องอารมณ์มากกว่าเหตุผล จุดอ่อนนี้เองจึงเป็นจุดยุทธศาสตร์ของบริษัทบุหรี่ที่พยายามโจมตีและพยายามเข้าไปครอบครองใจพวกเขาได้

 

          บริษัทบุหรี่จึงทุ่มงบประมาณมหาศาลศึกษาความต้องการของผู้หญิงเพื่อผลิตบุหรี่ที่มีรูปลักษณ์ รสชาติ ตรงตามความต้องการของผู้หญิงให้มากที่สุด เช่น ม้วนบุหรี่เล็ก เรียวยาว แสดงถึงหุ่นของผู้หญิงที่มีรูปร่างผอม เพรียว หรือรสชาติอ่อนละมิน กลิ่นผลไม้ ดอกไม้ เป็นต้น

 

          วันนี้ความสำเร็จของกลุ่มธุรกิจบุหรี่ก็เริ่มสัมฤทธิพล แต่เป็นเรื่องที่เราต้องหยุดยั้งและติดอาวุธทางปัญญาให้กับเยาวชนของเรา

 

          ความสำเร็จบาปนี้ยืนยันได้ด้วยงานวิจัยของ รศ.ธราดล เก่งการพานิชภาควิชาสุขศึกษาและพฤติกรรมศาสตร์ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ศึกษาสถานการณ์การสูบบุหรี่ของวัยรุ่นหญิงระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและปลายในประเทศไทย 3,093 คน

 

          “วัยรุ่นหญิงหัดสูบบุหรี่ครั้งแรกมีอายุต่ำกว่า 12 ปี จำนวน 10.2% ขณะที่ผู้ชายสูบในช่วงอายุต่ำกว่า 12 ปี ไม่ถึง 10% เท่านั้น ส่วนวัยรุ่นหญิงสูบครั้งแรกอายุระหว่าง 12-13 ปี จำนวน 21.2% ในจำนวนนี้กว่า 42.1% ต้องสูบทุกวันหรือเกือบทุกวันและสูบมากกว่า 5 มวนต่อวันถึง 33.4% และนักเรียนหญิงในระดับอุดมศึกษาและในเขตเมือง จะสูบมากกว่าชนบท”

 

          สิ่งที่น่าตกใจมากไปกว่านั้นคือ จากข้อมูลของอาจารย์ธราดลพบว่า วัยรุ่นหญิงจำนวนมากยอมรับว่าเคยสูบบุหรี่ต่อหน้าพ่อ แม่หรือพ่อ แม่สูบบุหรี่ด้วย มากถึง 18.8% และสูบพร้อมกับเพื่อน 89.3% วัยรุ่นส่วนใหญ่จะซื้อบุหรี่มาสูบเอง 53.8% โดยซื้อบุหรี่จากร้านขายของชำ ร้านสะดวกซื้อ มากที่สุดคือ 68.1% ขณะที่วัยรุ่นหญิง 70.5% เห็นว่าบุหรี่ที่สูบสามารถหาได้ง่ายมาก

 

          ส่วนเหตุผลที่สูบก็ไม่ใช่เพื่ออะไร เด็กเกือบครึ่งบอกว่า เพราะเพื่อลดความเครียด และผ่อนคลาย ส่วนปัจจัยที่ทำให้วัยรุ่นหญิงหันมาสูบบุหรี่เพิ่มมากขึ้นคือ มีเพื่อนสนิท 1-5 คนสูบบุหรี่ จึงทำให้มีทัศนคติเชิงบอกต่อการสูบเป็นที่ยอมรับในกลุ่มเพื่อนด้วยกัน

 

          นอกจากนี้จากการคาดการณ์ว่าในอีก 16 ปีข้างหน้า คือใน พ.ศ.2568 จำนวนผู้หญิงในประเทศกำลังพัฒนาจะเพิ่มจาก 21 พันล้านคนในปัจจุบันเป็น 3.5 พันล้านคน ในจำนวนนี้ผู้หญิง 1 ใน 5 หรือประมาณ 700 ล้านคนจะเป็นสิงห์อมควัน เมื่อเทียบกับสถิติการสูบบุหรี่ของผู้หญิงทั่วโลกเมื่อปี 2544 มีเพียง 3% ของประชากรทั่วโลก หรือประมาณ 200 ล้านคนเท่านั้น!!!

 

          เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วคงไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่งหน่ายงานใดหน่วยงานหนึ่ง เมื่ออนาคตของชาติในวันนี้ติดบุหรี่แล้วภายภาคหน้าจะต้องเป็นคุณแม่ที่ให้กำเนิดลูกน้อยที่เป็นอนาคตของอนาคตของชาติอีกครั้งหนึ่ง แล้ววันนั้นจะเป็นอย่างไรถ้าเราต้องฝากอนาคตของชาติไว้กับแม่ที่สูบบุหรี่

 

 

 

 

 

เรื่องโดย : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

ที่มา : หนังสือพิมพ์บ้านเมือง

ภาพประกอบ : อินเตอร์เน็ต

 

 

 

 

Update : 29-08-51

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code