สสส.หนุนโครงการ“บ้านเปลี่ยนวิถี”วัคซีนป้องกันยาเสพติด

แนะชีวิตใหม่ที่หันหลังให้วงการยานรก

 สสส.หนุนโครงการ“บ้านเปลี่ยนวิถี”วัคซีนป้องกันยาเสพติด

          “ยาเสพติดทำลายชีวิตทำลายอนาคต ทำลายชาติ” หลายคนคงทราบดีว่าพิษภัยยาเสพติดเป็นอย่างไร”

 

          แต่ก็ยังมีผู้รู้ทั้งรู้หลงเข้าไปวังวนของยานรกเหล่านี้วันยันค่ำ

 

          ทำให้ผู้ติดยาเสพติดในปี 2548 – 2549 มีจำนวน 30,000 คน เพิ่มเป็น 50,000 คน ในปี 2550 และตัวเลขตั้งแต่เดือนตุลาคม 2550 – มีนาคม 2551 จำนวน 28,000 คน คาดว่าสิ้นปี 2551 จะมีจำนวนเป็น 60,000 คน!!!

 

          และจากข้อมูลกระทรวงสาธารณสุขพบว่า ขณะนี้มีผู้เข้าสู่ระบบการบำบัดติดยาเสพในปี 2550 เพียง 44,461 คน ส่วนใหญ่กว่า 70% เป็นผู้ใช้ยาบ้า

 

          เมื่อเทียบกับการเตรียมเผาของกลางสิ่งมอมเมาทำลายชีวิต เหล่านี้ที่คดีความจบลงแล้วของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาในวันที่ 26 มิถุนายนนี้ เป็นการเผาครั้งที่ 36 แล้ว มีน้ำหนัก 4,377.62 กิโลกรัม จาก 2,915 คดี รวมมูลค่ากว่า 10,520 ล้านบาท!!!

 

          โดยส่วนใหญ่เป็นยาบ้า รองมาเป็น เฮโรอีน, ยาอี, โคเคน, ยาเคตามีน, ยาโคเดอีน, ฝิ่น และกัญชา

 

          หากนับแต่เพียงยาบ้าอย่างเดียวเท่านั้น จำนวนผู้ติดยาเสพติดในประเทศจะเป็นเช่นไร เพราะยังมียาเสพติดของกลางอีกกว่า 18.2 ตัน ที่คดียังไม่จบ

 

          แต่ในเมื่อไม่สามารถดำเนินการให้ยานรกเหล่านี้หายไปจากเมืองไทยได้ ดังนั้นการสร้างเกราะป้องกันด้วยวัคซีนต้านยาเสพติดจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุดในการป้องกันคนไทยทุกเพศทุกวัยให้ห่างไกลยาเสพติด ไปพร้อมๆ กับการให้ผู้เสพกลับตัวกลับใจ ไม่สน ไม่พึ่งพายาเสพติดอีก เมื่อไม่มีใครต้องการแม้จะมียาเสพติดเกลื่อนเพียงใดก็ไม่มีความหมาย

 

          เมื่อเตรียมการไปสู่การสร้างภูมิคุ้มกันผู้ไม่ติดยาให้มีเกราะป้องกัน ขณะที่ผู้ที่ติดยาที่เตรียมให้พวกเขากลับใจในภาคสังคม

 

          “ชุมชนที่พวกเขาจะกลับไปใช้ชีวิตอยู่จะเป็นอย่างไรบ้าง ต้อนรับพวกเขาดีเพียงใด และพวกที่สังคมตีตราว่าพวกขี้ยาเหล่านี้จะกลับไปทำอะไรได้ เมื่อกลับสู่วัฏจักรวังวนเดิมก็กลับไปติดยาซ้ำอีกอยู่ดี” คำถามที่ยังคงคาใจหลายต่อหลายคน

 

          วันนี้โครงการดีๆ อย่าง “บ้านเปลี่ยนวิถี” ที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ประสานกำลังจากหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นกรมคุมประพฤติ, สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.), ศูนย์บำบัดรักษายาเสพติดของกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ที่ร่วมกันสร้างบ้านทางจิตใจเตรียมความพร้อมกับชีวิตใหม่ที่สดใสโดยไม่ต้องพึ่งพายาแต่อย่างใด

 

          โครงการบ้านเปลี่ยนวิถี เป็นการใช้ศาสนสถาน ที่เปรียบเสมือนบ้านของคนไทย เพราะพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ ความคุ้มเคย การทำกิจกรรมกับวัดย่อมมีความเชื่อมโยงกันอย่างสูงกับวิถีชีวิตคนไทย ดังนั้นการเริ่มให้ผู้ติดยาเสพติดได้รับการเรียนรู้การใช้ชีวิตใหม่ที่หันหลังให้กับวงการยาเสพติดจึงเป็นเรื่องที่น่าส่งเสริม

 

          พระครูใบฎีกาจิรทัศน์ อธิปตโต วัดป่าดาราภิรมย์ ตำบลแม่ริมใต้ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ หนึ่งในผู้นำในการดำเนินโครงการดังกล่าว ที่ได้เริ่มตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เล่าถึงการยื่นเมือเข้ามามีส่วนร่วมในโครงการนี้ จนได้ร่วมสร้างให้มีผู้ได้เริ่มชีวิตใหม่ไปแล้วถึง 3 ราย

 

          โดยรายแรกที่ได้เข้าร่วมโครงการนั้น ยังเป็นเด็กหญิงเท่านั้น ด้วยวัยเพียง 15 ปีของเธอที่เริ่มมีความรักหญิงชายตั้งแต่ยังเด็ก ทำให้เธอต้องติดอยู่ในวังวนของยาเสพติด เพราะแฟนของเธอทั้งผู้ขายและผู้เสพ เธอจึงมีสภาพไม่ต่างกัน แต่เธอโชคดีกว่าตรงที่ไม่ถึงขั้นติดคุกติดตะราง เพราะเธอยังเป็นผู้เยาว์ จึงต้องไปบำบัดจากศูนย์บำบัดรักษายาเสพติดเชียงใหม่ ของกรมการแพทย์ จากนั้นก็เป็นหน้าที่ของวัดที่ทำหน้าที่โครงการบ้านเปลี่ยนวิถี

 

          “เด็กคนนี้ใช้เวลาในการบำบัดนานถึง 1 เดือน ซึ่งทางวัดมีศูนย์พัฒนาอาชีพสตรีอยู่ก่อนหน้านี้ โดยมีการฝึกอาชีพ ไม่ว่าจะตัดเสื้อ จักสาน ทำอาหารฯลฯ ทำให้เด็กคนนี้ได้กลับมีชีวิตใหม่”

 

          พระครูฯ เล่าอีกว่า ส่วนรายที่ 2 วัยเพียง 20 ปีเท่านั้น ภูมิลำเนาที่เชียงราย รายนี้ได้มาบำบัดเนื่องจากแม่ของเธอพาตัวมาบำบัดทางกาย และจึงต่อด้วยโครงการบ้านเปลี่ยนวิถีแห่งนี้ในเวลาไม่กี่เดือน ก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตอยู่ในชุมชนอย่างมีความสุข

 

          “ส่วนรายสุดท้ายก็ยังศึกษาอยู่ระดับ ปวส. อายุเพียง 24 ปีเท่านั้น แต่เนื่องจากติดยาเสพติดมานาน ทำให้ต้องเข้ารับการบำบัดนานหลายเดือน และในช่วง 1-2 เดือนหลังก็ได้มาบำบัดทางใจ ให้เข้ากับทางโครงการนี้ เมื่อได้ออกจากโครงการนี้ทำให้เธอได้เริ่มชีวิตใหม่ จนล่าสุดได้ทราบข่าวมาว่า เธอค้นพบตัวเองจากการฝึกอาชีพในโครงการ น้าของเธอผู้ที่พามาเข้าโครงการฯ ได้เอาทุนเปิดร้านทำผมในชุมชน แล้ววันนี้ชีวิตเธอก็เริ่มต้นใหม่ขึ้นอย่างน่าชื่นชม”

 

          ในเมื่อวัดกระจายอยู่ทุกภูมิภาคของประเทศไทย หลายฝ่ายควรสานต่อโครงการดีๆ อย่างนี้ให้เกิดขึ้นในทุกชุมชน เพราะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ทำหน้าที่ดูแลลูกบ้านแต่ละพื้นที่คงปฏิเสธไม่ได้ว่า พื้นที่ของตัวเองนั้นไม่มีผู้ติดหรือเคยติดยาเสพติดเลยแม้แต่คนเดียว

 

 

 

 

 

เรื่องโดย : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

ที่มา : หนังสือพิมพ์บ้านเมือง

ภาพประกอบ : อินเตอร์เน็ต

 

 

 

 

Update : 28-08-51

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code