สสส.หนุนเด็กไทยหัวใจกรีน

 

ครั้งที่แล้วพูดเรื่องแนวคิด 7 greens ไว้ยังไม่จบ แต่มาเจอกิจกรรมสีเขียวที่เห็นเป็นตัวอย่างได้ที่เกาะสีชังเลยนำมาเล่าสู่กันฟังก่อน

 “เกาะสีชัง” เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ทั้งในด้านประวัติศาสตร์และธรรมชาติ ด้วยเป็นที่ตั้งของพระจุฑาธุราชฐาน หรือพระราชวังโบราณที่รัชกาลที่ 5ทรงรับสั่งให้สร้างขึ้น เพื่อเป็นที่ประทับในฤดูร้อน เป็นแหล่งประมงพื้นบ้านที่มีอาหารทะเลสดและราคาถูก มีหาดทรายเกาะแก่งที่สวยงาม เหมาะสำหรับการพักผ่อนในวันหยุดสุดสัปดาห์

ในขณะที่การขยายตัวของการท่องเที่ยวบนเกาะสีชังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติต่างๆ ยังขาดการดูแลวางแผนที่เหมาะสม ประกอบกับบริเวณโดยรอบเกาะเป็นจุดจอดเรือใหญ่เพื่อขนถ่ายสินค้า ทำให้มีขยะลอยมาติดตามชายฝั่งของเกาะจำนวนมาก นอกจากจะทำให้มีทัศนียภาพที่ไม่สวยงามแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อปะการังในพื้นที่ซึ่งเป็นแหล่งอาหารและอาชีพประมงของชุมชน

 เพื่อเป็นการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของเกาะสีชัง สถานีวิจัยวิทยาศาสตร์ทางทะเลและศูนย์ฝึกนิสิตเกาะสีชัง อ.เกาะสีชัง จ.ชลบุรี สังกัด สถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงได้จัดทำ “โครงการฝึกอบรมดำน้ำและปลูกฝังจิตสำนึกรักษ์ทะเลเกาะสีชัง” ให้กับเด็กและเยาวชนชาวเกาะสีชัง เพื่อปลูกฝังสร้างจิตสำนึกการมีส่วนร่วมในการรักษาความสะอาดชายหาด และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติใต้ท้องทะเลเกาะสีชัง เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน โดยได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

นายอานุภาพ พานิชผล หรือ “ครูหมึก” หัวหน้าโครงการ เปิดเผยว่า การฝึกอบรมดำน้ำเป็นหนึ่งในหลายๆ กิจกรรมที่ดำเนินงานภายใต้โครงการ “บ้านนี้มีสุข กำลัง 2” ของ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและสิ่งแวดล้อมให้แก่เยาวชน เพราะเยาวชนจะเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า ดังนั้นเรื่องการอนุรักษ์ธรรมชาติจึงต้องปลูกฝังตั้งแต่เด็ก

“เด็กที่นี่เขาอยู่กับทะเลอยู่แล้ว แต่เรื่องการใช้อุปกรณ์ดำน้ำแบบผิวน้ำ เด็กอาจจะยังไม่มีความรู้ที่ถูกต้อง การอบรมจะทำให้เขารู้หลักการใช้อุปกรณ์ดำน้ำที่ถูกต้อง และยังได้ในเรื่องของสุขภาพ ระเบียบวินัยต่างๆ  เพราะเราไม่ได้ฝึกเรื่องดำน้ำเพียงอย่างเดียว ยังให้ความรู้เรื่องทรัพยากรธรรมชาติรอบๆ ตัวเขา ซึ่งจะช่วยให้เกิดความตระหนักในการช่วยกันดูแลอนุรักษ์ธรรมชาติบนเกาะสีชัง” ครูหมึกกล่าว

โดยกิจกรรมในโครงการนี้เริ่มจากการฝึกอบรมดำน้ำแบบผิวน้ำ (skin diving) ที่ถูกต้องให้กับเด็กและเยาวชนชาวเกาะสีชังที่มีอายุตั้งแต่ 6ขวบไปจนถึง 24ปี จำนวนกว่า 50คน ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างสุขภาพ และยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอันตรายต่อชีวิตจากการดำน้ำในกิจกรรมต่างๆ ของเด็กร่วมกับครอบครัว

นอกจากนี้ยังจะขยายผลให้เกิดการรวมกลุ่มสร้างเครือข่ายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อเสริมสร้างการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและสิ่งแวดล้อมระหว่างเยาวชน ประชาชน และหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยจัดกิจกรรมต่างๆ อาทิ กิจกรรมทำความสะอาดชายหาดและแนวปะการัง ในรูปแบบการแข่งขันดำน้ำเก็บขยะในแนวปะการังและบริเวณชายหาดเกาะสีชัง ปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำคืนสู่ธรรมชาติ เช่น หอยนมสาว หอยเป๋าฮื้อ และหอยมือเสือ เป็นต้น

กิจกรรมต่างๆ จะจัดขึ้นโดยมีเด็กและเยาวชนเป็นผู้ร่วมขับเคลื่อน ซึ่งจะทำให้เกิดการกระตุ้นให้คนในชุมชนได้ตระหนักและเห็นความสำคัญของการร่วมมือกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติรอบเกาะสีชัง อันเป็นการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและเป็นการสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อสุขภาพและปลอดภัย โดยการมีส่วนร่วมของประชาชนในท้องถิ่น ซึ่งจะทำให้การท่องเที่ยวมีคุณภาพและเกิดความยั่งยืนในท้องถิ่น

นายสุรพล ชุณหบัณฑิต นักวิจัยสถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ และครูผู้ฝึกสอนการดำน้ำให้กับเด็ก บอกว่า การว่ายน้ำเป็นการออกกำลังกายที่ดีที่สุด ทำให้ทุกส่วนได้ออกกำลังกาย และเด็กๆ อยู่กับน้ำอยู่แล้ว ดังนั้นการว่ายน้ำทำให้เด็กสุขภาพแข็งแรง และยังทำให้เขาดำน้ำได้ถูกวิธี มีความปลอดภัยมากขึ้น

“นอกจากความรู้ในการดำน้ำที่ถูกต้องแล้ว เขายังจะได้รับความรู้ในเรื่องชีววิทยาทางทะเล ซึ่งเมื่อเขาได้ไปดำน้ำ ได้เห็นความสวยงามใต้ท้องทะเล ก็จะเกิดความรู้สึกที่อยากอนุรักษ์ความสวยงามที่เห็นเอาไว้ และสิ่งเหล่านี้เราคาดหวังว่า เมื่อเขาเติบโตขึ้นจะเป็นกำลังสำคัญในการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่ทางสถาบันวิจัยฯ จะดำเนินการต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการอนุรักษ์ปะการัง การซ่อมแซมปะการัง  ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกับชุมชนในการร่วมกันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม แนวปะการัง ชายหาดของเกาะสีชัง” ครูสุรพลกล่าว

ด.ช.วีรพงษ์ ศิริวร หรือ “น้องวี” อายุ 13ปี นักเรียนชั้น ม.1โรงเรียนเกาะสีชัง บอกว่า การมาอบรมในครั้งนี้ทำให้ได้ความรู้ในการใช้อุปกรณ์ดำน้ำที่ถูกต้อง และรู้หลักวิธีการดำน้ำอย่างปลอดภัย รวมไปถึงยังได้ความรู้ในเรื่องของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติในทะเลด้วย

 “ทุกวันนี้ในเกาะสีชังมีขยะมากขึ้น ไม่อุดมสมบูรณ์เหมือนในอดีต สัตว์น้ำนานาชนิดก็ลดน้อยลงไป ซึ่งเป็นผลมาจากการทิ้งขยะลงในทะเล ทำให้สัตว์น้ำต่างๆ ต้องตายไปเป็นจำนวนมาก เมื่อได้รับความรู้ก็จะไปรณรงค์และบอกให้เพื่อนๆ และครอบครัวมีการคัดแยกขยะให้ถูกต้อง ไม่ให้ทิ้งขยะลงทะเล” น้องวีกล่าว

 ด.ช.ปฏิภาณ เพชรประเสริฐ หรือ “น้องเบล” อายุ 14ปี นักเรียนชั้น ม.2โรงเรียนเกาะสีชัง เล่าว่า ที่บ้านของตนเองนั้นประกอบอาชีพประมง และได้ไปช่วยลงอวนปู ไดหมึก กับครอบครัวเสมอๆ

 “มาอบรมก็ได้ความรู้ว่าปะการังรอบๆ เกาะลดน้อยลงไปทุกที ชาวประมงเองก็มีส่วนทำให้ปะการังเสียหาย ก็จะบอกกับครอบครัวให้ช่วยกันดูแลสิ่งแวดล้อมและท้องทะเลของเราให้มากขึ้น ถ้าจับปูได้ตัวเล็กกว่า 4นิ้วก็จะปล่อยไป เพราะถ้าจับมาหมดก็จะไม่เหลือให้จับอีกในอนาคต ที่สำคัญก็คืออย่าทิ้งขยะลงทะเล เพราะนอกจากจะทำให้เกาะสีชังดูไม่สวยงามแล้ว ยังเป็นอันตรายต่อสัตว์น้ำอีกด้วย” น้องเบลระบุ

 “เมื่อเด็กๆ ผ่านการฝึกอบรมไปแล้ว ก็จะผลักดันให้เขาก่อตั้งชมรมรักษ์ทะเลเกาะสีชังให้เกิดขึ้น เมื่อเกิดขึ้นแล้วเราก็จะพยายามจัดกิจกรรมให้ได้มากกว่าปีละ2-3ครั้ง เพื่อรณรงค์ให้ชาวเกาะสีชังได้เห็นว่า เมื่อเด็กและเยาวชนได้มาฝึกดำน้ำแล้ว เขาได้ทักษะเพิ่มขึ้น มีความรับผิดชอบเพิ่มขึ้น ซึ่งการที่เขามาร่วมกันทำกิจกรรมคืนสู่สังคมจะกระตุ้นให้เด็กคนอื่นๆ มาอบรมในรุ่นต่อไป เป็นการสร้างทายาทเพื่อดูแลเกาะสีชัง เพราะเกาะสีชังกำลังขยายตัวในเรื่องการท่องเที่ยวด้านธรรมชาติมากขึ้น ดังนั้นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติต่างๆ ก็จะเป็นเรื่องดี หากเราไม่มีจุดขายเรื่องธรรมชาติ ความน่าสนใจก็จะน้อยลงไป ซึ่งกิจกรรมตรงนี้ก็จะช่วยในเรื่องชุมชนและท้องถิ่นให้เกิดความยั่งยืนในเรื่องของการท่องเที่ยวได้” นายอานุภาพ หัวหน้าโครงการ กล่าวสรุป.

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

Shares:
QR Code :
QR Code