สสส. รุกทำคู่มือเฉพาะหน่วยงานเตือนเฝ้าระวัง

ขาขึ้นหวัด 2009 ปลายต้นหนาว

 


สสส. รุกทำคู่มือเฉพาะหน่วยงานเตือนเฝ้าระวัง 

          สสส.รุกทำคู่มือเฉพาะหน่วยงานองค์การอนามัยโลกยังออกโรงย้ำเตือนให้ทุกประเทศเฝ้าระวังและป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ล่าสุดพบว่าได้ระบาดไปเกือบทุกทวีปแล้ว ในบราซิลมีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 500 ราย ขึ้นอันดับอยู่ในขณะนี้  ญี่ปุ่นมีผู้เสียชีวิตแล้ว 5 ราย คาดว่าการระบาดทั่วโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

 

          ส่วนสถานการณ์การระบาดในบ้านเราพบว่าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีแนวโน้มชะลอตัว แต่กลับไปแพร่ระบาดในพื้นที่ต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น และน่าห่วงว่าใน 2 เดือน นับต่อจากนี้ซึ่งเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาว ประกอบกับเป็นช่วงแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล

 

          นพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ รองผู้จัดการสำนักงานสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ระบุว่าสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ชนิด เอ (เอช 1 เอ็น 1) หรือไข้หวัด 2009 ยังอยู่ในช่วงขาขึ้นในพื้นที่ต่างจังหวัด จากการแบ่งเขตพื้นที่สาธารณสุข 9 เขต ใน 12 เขต ยังมีอัตราการติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นล้านคน แต่การตายน้อยลง ส่วนหนึ่งเพราะได้รับยาเร็วขึ้น หมอวินิจฉัยได้ทันท่วงที แสดงให้เห็นว่าการระบาดของไข้หวัด 2009 ยังมีอยู่ เพียงแต่ย้ายการระบาดจาก กรุงเทพฯไปสู่ภาคชนบทซึ่งเป็นเรื่องที่น่าห่วงถ้าไม่มีการตั้งรับอย่างดีพอ ซึ่งเวลานี้การแพร่ระบาดของไข้หวัด 2009 อยู่ในระยะที่   3 คือการแพร่สู่ชุมชนจากเดิมระยะที่ 2 อยู่ในชุมชนเมือง คำแนะนำขององค์การอนามัยโลกคือชะลอผลกระทบ ทำอย่างไรให้คนป่วยทยอยกันป่วย ถ้าเกิดเหตุการณ์มีคนป่วยพร้อมกัน ระบบสาธารณสุข ทั้งหมดและโรงพยาบาลรับไม่ไหว จะส่งผลกระทบต่อระบบได้

 

          จากปัญหาของสถานการณ์การระบาดของไข้หวัด 2009 เปรียบเป็นเส้นกราฟในเวลานี้คือการพุ่งขึ้นไปสู่ช่วงพีค รัฐบาลยังตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันและสกัดกั้นการระบาดของไข้หวัดใหญ่อย่างเข้มข้น ที่ผ่านมาเริ่มตั้งแต่เกิดการระบาดได้มีการตั้งคณะอนุกรรมการสนับสนุนการป้องกัน ควบคุม และการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ชนิด เอ (เอช 1 เอ็น 1) โดยมี นพ.มงคล ณ สงขลา เป็นประธานอนุกรรมการ ทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งหน่วยงาน สสส. ที่รับหน้าที่เป็นฝ่ายปฏิบัติการ

 

          นพ.กฤษดา กล่าวว่า ขณะนี้ในหน่วยงานราชการทุกภาคส่วนตื่นตัวกับเรื่องไข้หวัด 2009 อยู่แล้ว แต่ สสส.จะเข้าไปเสริมให้เกิดการปฏิบัติการจริงในการสร้างความตระหนักและสร้างจิตสำนึกอย่างจริงจังในทุกหน่วยงาน เริ่มต้นจากหน่วยงานที่ สสส. มีเครือข่ายอยู่แล้วได้แก่ในระบบโรงเรียนซึ่งมีประชากร 20 ล้านคน โรงงานอุตสาหกรรม 9 ล้านคน และกองทัพ 6 ล้านคนโดย สสส. จัดทำเป็นยุทธศาสตร์เชิงรุก เริ่มจากกลุ่มดังกล่าวก่อน แล้วจะขยายถึงภาคประชาชนทั่วไป เน้นให้ทุกหน่วยงานมาเป็นเจ้าภาพร่วมกันในการกำหนดมาตรการป้องกันแก้ไข

 

          รองผู้จัดการ สสส. บอกถึงวิธีการทำงานว่า เดิมทีวิธีการรณรงค์จะใช้เพียงคู่มือที่ทางราชการแจกให้ซึ่งมีรายละเอียดมากบางครั้งอ่านไม่เข้าใจและไม่เหมาะกับพื้นที่ ดังนั้นยุทธศาสตร์เชิงรุก เริ่มต้น สสส. จะเข้าไปประชุมกับระดับผู้บริหารของหน่วยงานไม่ว่าจะเป็น รมว.ศึกษาธิการ มหาดไทย แรงงานและผู้นำเหล่าทัพ ตลอดจนผู้นำท้องถิ่นเพื่อร่วมกันหาแนวทาง พร้อมกันนี้ยังได้จัดทำคู่มือวิธีการป้องกันไข้หวัด 2009 ในแบบฉบับเข้าใจง่ายเหมาะสมกับพื้นที่ อาทิ ในโรงเรียน แนะนำวิธีดูแล นร. ตั้งแต่เข้าประตูโรงเรียนให้มีจุดล้างมือ จุดตรวจวัดไข้โดยเครื่องตรวจวัด หรือการสังเกตมีระดับอุณหภูมิร่างกายไม่เกิน 37.6 องศาเซลเซียส อีกทั้งมีนโยบายให้หยุดเรียน 3 วันหรือจนกว่าแพทย์จะสั่งการ ทำความสะอาดจุดสัมผัสระหว่างวันในโรงเรียนทุกชั่วโมง อาทิ ราวบันได ลูกบิดประตู ลิฟต์ เพราะโรคนี้ติดจากไอ จาม มือไปสัมผัสเชื้อโรคเข้าทางปาก จมูก แต่ถ้าทำความสะอาดก่อนที่เชื้อจะแพร่กระจาย 2-8 ชั่วโมง จะป้องกันได้  ซึ่งไม่จำเป็นต้องทำความสะอาดทั้งโรงเรียน โรงเรียนต้องให้ความรู้เรื่องการล้างมือ การใช้ช้อนกลาง ไม่ใช้แก้วน้ำร่วมกันอันเป็นมาตรฐานเดียวกันของโรงเรียนทั่วประเทศ

 

          ส่วนการป้องกันในชุมชนต้องตั้งคณะกรรมการในชุมชนขึ้นมาเพื่อประสานงาน ตลอดจนส่งเสริมให้มีการออกกำลังกายสม่ำเสมอ เหล่านี้คือยุทธศาสตร์ในเชิงรุกที่กำลังดำเนินอย่างเร่งด่วนในขณะนี้ พร้อมกันนี้ สสส. จะทำหน้าที่สนับสนุนสื่อให้ความรู้ สื่อรณรงค์ สื่อในโรงเรียน สื่อในชุมชน ทุกรูปแบบฟรี ให้ทุกหน่วยงานที่แจ้งความจำนงเข้ามาไม่ว่าจะเป็นโบรชัวร์ โปสเตอร์ รวมทั้งสื่ออินเทอร์เน็ต ที่เปิดโอกาสให้ทุกเว็บไซต์ ดาวน์โหลดคู่มือตลอดจนโปรแกรมตรวจสอบไข้หวัด 2009 ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต (www.flu2009thailand.com)

 

          รองผู้จัดการ สสส. กล่าวว่า ยุทธศาสตร์เชิงรุกดังกล่าวจะเร่งดำเนินการภายใน 2 เดือนนี้ นอกจากในโรงเรียนและชุมชนแล้วในห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศ บริษัทเอกชน ร้านอาหาร สวนสาธารณะ ระบบขนส่ง ชุมชนท้องถิ่น จะมีมาตรการเข้มข้นเช่นเดียวกัน โดยจะมีการนำกองทุนสุขภาพตำบลเสริมการป้องกันนี้ด้วย เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ในระยะยาวสำหรับการรับมือไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 ได้เร่งพัฒนางานวิจัย การเร่งกระบวนการผลิตวัคซีน และร่วมกับองค์การอนามัยโลก ทบทวนสถานการณ์ระดับนานาชาติ และการสังเคราะห์บทเรียนระหว่างประเทศ

 

          คาดว่าหวัด 2009 ยังระบาดไปจนถึงต้นปีหน้า แต่ที่น่าห่วงคือคนที่   ได้รับเชื้อเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ออกไปสู่ชุมชนทำให้การระบาดแพร่วงกว้าง ตามทฤษฎีโรคนี้จะดีขึ้นเมื่อคนครึ่งประเทศมีภูมิคุ้มกันรวมถึงการได้รับวัคซีน แต่คาดว่าวัคซีนจะมาต้นปีหน้า เมื่อถึงเวลานั้นเราอาจจะไม่ได้ใช้วัคซีน ทุกคนอาจมีภูมิคุ้มกันไปแล้วนพ.กฤษดาตั้งข้อสังเกต

 

          มาถึงวันนี้ วิธีการรักษาไข้หวัด 2009 มีทั้งยาและหมอที่พร้อมรับมือ แต่ระบบสาธารณสุขจะเพียบแปล้ขึ้นมาทันทีหากคนป่วยพร้อมกันนั่นคือเรื่องวิกฤติ…อย่าเพิ่งชะล่าใจไข้หวัด 2009 โบกมือลาตามอายุขัยของเชื้อโรคคือราว 1 ปี แต่คนทั่วโลกอาจต้องเผชิญไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ ๆ กันอีกระลอกและคงต้องมาย้ำเรื่องสุขอนามัยแบบเดิม ๆ และการดูแลรักษาร่างกายให้แข็งแรงอย่างสม่ำเสมอ นี่คืออาวุธป้องกันไข้หวัดได้ชะงักงันที่สุด.พรประไพ เสือเขียว[email protected]

 

 

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

 

 

Update: 02-09-52

อัพเดทเนื้อหาโดย: ณัฏฐ์ ตุ้มภู่

 

 

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code