สสส. มอบแว่นสายตา เด็กนักเรียนในพื้นที่ชายแดน

ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข


สสส. มอบแว่นสายตาแก่เด็กนักเรียนในพื้นที่ชายแดน จ.ตาก ในโครงการ “Wonder View มากกว่าแว่นตา คืออนาคตที่สดใส” ช่วยพัฒนาการเรียนรู้ของเด็ก พร้อมเปิดพื้นที่ห่วยใย “นับเราด้วยคน”ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเข้าใจ รับบริจาคแว่นตาหรือสมทบทุนร่วมโครงการฯ


สสส. มอบแว่นสายตา เด็กนักเรียนในพื้นที่ชายแดน thaihealth


เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2560 ที่โรงเรียนชุมชนบ้านพบพระ จังหวัดตาก ดร.ประกาศิต กายะสิทธิ์ ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) กล่าวว่า สสส. ร่วมกับมูลนิธิฟอร์เวิร์ด จัดทำโครงการ “Wonder View มากกว่าแว่นตา คืออนาคตที่สดใส” ภายใต้แนวคิด “นับเราด้วยคน” จัดกิจกรรมมอบแว่นตาให้แก่นักเรียนกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีปัญหาด้านสายตา ซึ่งนับเป็นปัญหาที่สำคัญของเด็กนักเรียนในพื้นที่ชายแดนที่มีความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและโอกาสการเข้าถึงทรัพยากร ทำให้ลูกหลานของกลุ่มชาติพันธุ์ และประชากรข้ามชาติในพื้นที่ไม่สามารถมีแว่นตาเป็นของตัวเอง มีปัญหาในการเรียนรู้เนื่องจากมองไม่เห็นตัวอักษรบนกระดานในห้องเรียน อ่านหนังสือได้ยาก ส่งผลต่อเสียต่อพัฒนาการทางการศึกษาของเด็ก


ปัญหาเรื่องแว่นตาในโรงเรียนเป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ในขณะที่ กลุ่มชาติพันธุ์ ชนเผ่าพื้นเมือง และประชากรข้ามชาติในประเทศไทย ยังประสบกับปัญหาการเข้าไม่ถึงระบบบริการสุขภาพที่ปลอดภัยและเป็นมิตร ดังนั้น สสส.จึงต้องการสื่อสารให้สังคมไทยรับรู้และตระหนักถึงตัวตนของกลุ่มประชากรชายขอบที่ถูกละเลย มองเห็นปัญหาการเข้าไม่ถึงบริการสุขภาพที่ชัดขึ้น เห็นช่องว่างและความเหลื่อมล้ำที่พวกเขาได้รับ พร้อมเปิดโอกาสและร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความเปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมแบบ inclusive societyหรือสังคมที่ไม่ทอดทิ้งกัน โดยครั้งนี้มีผู้ที่ร่วมบริจาคแว่นตามือสอง 62อัน และเงินสมทบทุนซื้อแว่นตา97,140 บาท เพื่อมอบให้กับเด็ก ๆโรงเรียนชุมชนบ้านพบพระ และนักเรียนในโรงเรียนอื่น ๆ ตามบริเวณแนวชายแดนและพื้นที่ห่างไกล


ด้าน นางธารินี ศิริวัลย์ หัวหน้าพยาบาล โรงพยาบาลพบพระ จ.ตาก กล่าวว่า ปัญหาสาธารณสุขชายแดนในกลุ่มเด็กมีความแตกต่างจากในเมือง เช่น ยังพบโรคระบาด โรคคอตีบ โรคมาลาเรีย การเข้าถึงวัคซีนต่ำ มีภาวะทุพโภชนาการ เด็กเตี้ย ผอม น้ำหนักไม่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน ขณะที่เด็กในเมืองมีภาวะโภชนาการเกิน มากกว่า ร้อยละ 15 แต่ในพื้นที่ห่างไกลมีเด็กอ้วนเพียง ร้อยละ 2 นอกจากนี้ยังพบว่าเด็กร้อยละ 20 มีปัญหาทางช่องปาก ฟันผุ และร้อยละ 10 มีปัญหาด้านสายตา ส่วนระดับเชาวน์ปัญญา (IQ)พบว่า มีเชาวน์ปัญญาเฉลี่ยต่ำกว่าเกณฑ์ (IQ 90) ดังนั้น เมื่อวิเคราะห์สาเหตุปัญหาแล้วสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการที่เด็กมีปัญหาด้านสายตา จึงหารือกันเพื่อหาทางในการช่วยเหลือพัฒนาคุณภาพชีวิต เพราะการมองเห็นที่ชัดเจนส่งผลต่อการเรียนรู้


ทั้งนี้ จากการสำรวจกลุ่มผู้มีปัญหาสถานะและสิทธิ โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอาสาสมัครประจำหมู่บ้าน ในปี 2559 พบว่ามีกลุ่มผู้มีปัญหาสถานะและสิทธิในอำเภอพบพระ 16,537 คน แม้ในปัจจุบันรัฐบาลได้มีการจัดตั้ง กองทุนให้สิทธิ (คืนสิทธิ) ขั้นพื้นฐานด้านสาธารณสุขให้กลุ่มบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิ ตามมติ ครม. 23 มีนาคม 2553 และมติครม. 20 เมษายน 2558 เพื่อให้ผู้ที่อยู่ระหว่างการพิสูจน์สัญชาติให้ได้รับสิทธิพื้นฐานในรับบริการสุขภาพเช่นเดียวกับประชาชนสัญชาติไทย แต่อัตราการใช้บริการของผู้มีปัญหาสถานะและสิทธิในพื้นที่จังหวัดตาก อยู่ที่ 0.36-0.64 ครั้งต่อคนต่อปี ในขณะที่ประชาชนสิทธิบัตรทองอัตราการใช้บริการเท่ากับ 2 ครั้งต่อคนต่อปี ความเหลื่อมล้ำดังกล่าวสะท้อนถึงอุปสรรคในการเข้าถึงบริการ อันเนื่องมาจากอุปสรรคทางภาษา การเข้าถึงข้อมูล ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ และปัจจัยทางสังคมอื่นๆ


นาย วีระพล จันทบุตร ผู้อำนวยการโรงเรียนชุมชนบ้านพบพระ จ.ตาก กล่าวว่า โรงเรียนชุมชนบ้านพบพระมีจำนวนนักเรียนทั้งหมด1,412 คน จากการสำรวจเบื้องต้นพบว่ามีนักเรียนที่มีปัญหาสายตาสั้นจำนวน 65 คน จากนักเรียนชั้น ป.1ถึง ม.3 ยกเว้น ป. 3 ซึ่งยังไม่ได้สำรวจ แต่มีนักเรียนเพียง 11 คน เท่านั้นที่มีแว่นตา เนื่องมาจากส่วนหนึ่งไม่รู้มาก่อนว่ามีปัญหาเรื่องสายตาและเด็กอีกจำนวนหนึ่งมีความขาดแขลน และมีฐานะยากจนทำให้ไม่สามารถตัดแว่นสายตาใส่ได้ การที่โรงพยาบาลพบพระ และสสส. เข้ามาให้การช่วยเหลือในครั้งนี้ จึงเป็นการช่วยพัฒนาการเรียนรู้ของเด็ก และเป็นจุดเริ่มต้นที่จะขยายไปยังโรงเรียนอื่นๆ ในจังหวัดตากซึ่งมีปัญหาคล้ายคลึงกัน


ทั้งนี้ หากสนใจร่วมบริจาคแว่นตา หรือสมทบทุนให้กับโครงการ Wonder View สามารถติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่มูลนิธิฟอร์เวิร์ด Facebook page : Forward Foundation Thailand  email :[email protected] หรือติดต่อเจ้าหน้าที่มูลนิธิ : 0922045995

Shares:
QR Code :
QR Code