สสส.-ภาคีฯ ดันอาสา Gen-H 20,000 คน ปลุกพลังเยาวชนลดภัยบุหรี่ไฟฟ้า-ปัจจัยเสี่ยง

ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข

ภาพประกอบจาก สสส.

                    สสส. สานพลัง สถาบันยุวทัศน์ ฯ-กรมกิจการเด็กและเยาวชน พัฒนา “อาสาสร้างสุขภาพ Gen-H 20,000 คน ในสถานรองรับเด็ก ตามหลัก 3H ผู้สื่อสารข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ-สร้างสรรค์เนื้อหา-เป็นผู้นำทางความคิด ลดปัจจัยเสี่ยงบุหรี่ไฟฟ้า-อุบัติเหตุทางถนน-โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ตั้งเป้าเป็นผู้ให้คำปรึกษาเรื่องสุขภาพ ในสถานรองรับทั่วประเทศ

                    เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2568 ณ สถานแรกรับเด็กชายปากเกร็ด (บ้านภูมิเวท) จังหวัดนนทบุรี สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย (ยท.) และกรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) แถลงข่าวเปิดกิจกรรมส่งเสริมอาสาสร้างสุขภาพ (Gen-H) รู้ทันภัยสุขภาพในสถานรองรับเด็ก

                    นางอภิญญา ชมภูมาศ อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า กรมกิจการเด็กและเยาวชน มีสถานรองรับเด็ก 31 แห่ง มีเด็กอยู่ในความดูแลรวมทั้งสิ้น 3,762 คน อายุตั้งแต่แรกเกิด – 18 ปี ทั้งชาวไทยและต่างชาติ เป็นกลุ่มเด็กที่พึงได้รับการสงเคราะห์ตามมาตรา 32 และเด็กที่ได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพตามมาตรา 40 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 ซึ่งสถานรองรับเด็กทุกแห่งมีหน้าที่รับเด็กไว้ในความอุปการะเป็นการชั่วคราว เพื่อสืบเสาะพินิจเด็กและครอบครัว สนับสนุนให้การศึกษา ที่พักอาศัย จัดการด้านสาธารณสุข รวมถึงทักษะด้านอาชีพ พร้อมทั้งกำหนดแนวทางในการสงเคราะห์และคุ้มครองสวัสดิภาพที่เหมาะสมแก่เด็ก สอดคล้องกับนโยบายและมาตรการ 5×5 ของนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในการเพิ่มคุณภาพและผลิตภาพของเด็กและเยาวชน เช่น ด้านการดูแลสุขภาพทางกายและจิตใจของเด็กและเยาวชน รวมถึงการพัฒนาทักษะชีวิต และทักษะวิชาชีพตามวัยสอดคล้องกับบริบทสังคม

                    “ที่ประชุมคณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2568 ได้มีมติสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ซึ่งกำหนดแนวทางไว้ 3 ประการ ประกอบด้วย 1. ให้คณะกรรมการคุ้มครองเด็กกรุงเทพมหานครและคณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัด “คุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก” ผ่านการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำความผิดที่จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าให้กับเด็ก 2. บังคับใช้กฎหมายกับผู้ปกครอง ที่จงใจหรือละเลยปล่อยให้เด็กและเยาวชนซื้อใช้หรือเป็นตัวแทนจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า 3. มอบหมายให้กองทุนคุ้มครองเด็กทั้งส่วนกลางและภูมิภาค สนับสนุนให้หน่วยงานท้องที่หรือหน่วยงานอื่น ๆ จัดกิจกรรมให้ความรู้แก่กลุ่มผู้ปกครอง เด็ก และเยาวชน เกี่ยวกับผลกระทบหรือภัยจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง กิจกรรมในครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการพัฒนาความรู้ ทักษะด้านต่าง ๆ สำหรับการป้องกันตนเองจากภัยสุขภาพและหลังจากนี้จะหารือร่วมกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เพื่อขยายผลแนวทางการสร้างอาสาสร้างสุขภาพ (Gen-H) ไปยังสถานรองรับเด็กอื่น ๆ ทั่วประเทศ” นางอภิญญา กล่าว

                    นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการพัฒนาระบบสุขภาพ สสส.  กล่าวว่า ปัจจุบันเด็กและเยาวชนต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ โดยเฉพาะการสูบบุหรี่ไฟฟ้าและการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน ซึ่งข้อมูลการเฝ้าระวังพฤติกรรมทางสุขภาพเกี่ยวกับการสูบบุหรี่ไฟฟ้าของเยาวชนไทย ปี 2566 ของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สำรวจเด็กและเยาวชนอายุไม่เกิน 25 ปี ทั่วประเทศ 61,688 คน พบว่า 25% สูบบุหรี่ไฟฟ้า หรือคิดเป็น 1 ใน 4 ของเด็กและเยาวชนทั้งหมด และข้อมูลจากศูนย์อุบัติเหตุ เพื่อเสริมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนน โดยศูนย์อุบัติเหตุเพื่อเสริมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนน (Thai RSC) พบว่า ไทยมีผู้บาดเจ็บอุบัติเหตุทางถนน ปี 2567 จำนวน 118,660 คน เป็นเด็กและเยาวชนอายุไม่เกิน 24 ปี 37.68% โดยพาหนะที่เกิดเหตุมากที่สุด คือ รถจักรยานยนต์ 78.08%

                    “สสส. ให้ความสำคัญและมุ่งมั่นทำงานด้านการควบคุมยาสูบและลดจำนวนอุบัติเหตุทางถนน โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชนที่จะเติบโตเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติ จึงร่วมกับ
ยท. และกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ผลักดันกลไก ยุว อาสาสมัครสาธารณสุข (ยุว อสม.) หรือปัจจุบันเรียกว่า “อาสาสร้างสุขภาพ (Gen-H)” ในโรงเรียน มหาวิทยาลัยหรือชุมชน และสถานประกอบการที่มีเด็กและเยาวชน เพื่อร่วมสื่อสารภัยสุขภาพ ด้วยแนวทาง 3H ได้แก่ 1. Health Communicator เป็นผู้สื่อสารข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ 2. Health Creator เป็นผู้สร้างสรรค์เนื้อหาด้านสุขภาพอย่างสร้างสรรค์และน่าสนใจ 3.Health Influencer เป็นผู้นำทางความคิดเพื่อดูแลสุขภาพของตนเองปัจจุบันมีเด็กและเยาวชนเข้ามาร่วมเป็นอาสาสมัครกว่า 20,000 คน สะท้อนถึงพลังและศักยภาพของคนรุ่นใหม่ในการเข้ามามีบทบาทในการสร้างเสริมสุขภาพ” นพ.เฉวตสรร กล่าว

                    นายพชรพรรษ์ ประจวบลาภ เลขาธิการสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ยท.ร่วมมือกับกรมกิจการเด็กและเยาวชน ในการขยายแนวทางการสร้างสุขภาพของเด็กและเยาวชน ผ่านอาสาสร้างสุขภาพมายังสถานรองรับเด็ก ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการสร้างเสริมสุขภาพหรือดูแลสุขภาพของเด็กและเยาวชนทั่วประเทศ ตลอดจนนำแนวทางการเป็นอาสาสร้างสุขภาพ (Gen-H) และแนวทางการปฏิบัติตนตามสุขบัญญัติ 10 ประการ มาขยายผลการทำงานร่วมกับเด็กและเยาวชนในสถานรองรับ เนื่องจากที่ผ่านมาการขับเคลื่อนงานด้านภัยสุขภาพอาจจะขับเคลื่อนกับเด็กในระบบการศึกษาทั้งที่อยู่โรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยเป็นหลัก เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการสร้างเสริมสุขภาพให้กับเด็กและเยาวชนอย่างครอบคลุมตามนโยบายของรัฐบาล ตั้งเป้าสร้างการมีส่วนร่วมพัฒนาเด็กในสถานรองรับทั่วประเทศ ให้ทำหน้าที่เป็นผู้ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพกับกลุ่มเพื่อน หลังพบปัญหาด้านสุขภาพเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะปัญหาการสูบบุหรี่ไฟฟ้า การเกิดอุบัติเหตุทางถนน และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

Shares:
QR Code :
QR Code