สสส.-พอช.-สภาผู้สูงอายุฯ ผนึกพลัง ขยาย 3,000 ชมรมสูงวัยเข้มแข็งทั่วไทย ในปี 70 หนุนพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบาง
ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข
ภาพประกอบจาก สสส.
สูงวัยเข้มแข็งทั่วไทย สสส. สานพลัง พอช. – สภาผู้สูงอายุฯขับเคลื่อน 1,500 ชมรม สู่เป้าหมาย 3,000 แห่ง ภายในปี 70 สร้างคุณภาพชีวิตสูงวัยให้เข้มแข็ง ครอบคลุม 4 มิติ ออกกำลังกาย-เป็นจิตอาสา-ออมเงิน-โรงเรียนผู้สูงอายุ-กิจกรรมฟื้นฟู สร้างชุมชนมั่นคง-ลดความเหลื่อมล้ำผู้สูงอายุกลุ่มเปราะบาง ชูเป้าหมายพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
นางภรณี ภู่ประเสริฐ ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สสส. ร่วมกับ สมาคมสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) และภาคีเครือข่าย ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ การขับเคลื่อนเสริมสร้างผู้สูงอายุให้เข้มแข็ง ชุมชนมั่นคง ลดความเหลื่อมล้ำผู้สูงอายุกลุ่มเปราะบาง เดินหน้าผลักดัน “ชมรมผู้สูงอายุเข้มแข็ง” ให้เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนสุขภาวะของผู้สูงอายุในระดับพื้นที่ ไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ ท่ามกลางความท้าทายของคุณภาพชีวิตผู้สูงวัย โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่ยังขาดโอกาสในการเข้าถึงกิจกรรมและบริการที่จำเป็น ที่ผ่านมา สสส. สนับสนุนการดำเนินงานของสมาคมสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทยฯ พัฒนาและส่งเสริมความเข้มแข็งของชมรมผู้สูงอายุให้เป็นกลไกหลัก ที่ช่วยให้ผู้สูงอายุได้พัฒนาทักษะ เรียนรู้การมีสุขภาวะที่ดี รวมถึงเตรียมความพร้อมให้คนก่อนเข้าสู่วัยสูงอายุ เป็นผู้สูงวัยที่มีคุณภาพในอนาคต
“ปัจจุบันมีชมรมผู้สูงอายุทั้งหมดที่มีอยู่กว่า 30,000 แห่งทั่วประเทศ โดย สสส. สนับสนุนให้เกิด ชมรมผู้สูงอายุเข้มแข็งกว่า 1,500 แห่งทั่วประเทศ ดำเนินกิจกรรมครอบคลุม 4 มิติสุขภาพ เศรษฐกิจ สังคม สภาพแวดล้อม และเป็นแหล่งเรียนรู้รองรับสังคมสูงวัยตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ สร้างกิจกรรมออกกำลังกาย จิตอาสา ออมเงิน โรงเรียนผู้สูงอายุ และกิจกรรมฟื้นฟูผู้สูงอายุ นอกจากนี้ยังเกิดกลุ่มเตรียมการก่อนวัยสูงอายุ 45-59 ปี แม้จะคิดเป็นเพียง 5% ของ แต่ถือเป็น “ต้นแบบ” ที่สามารถขยายผลไปยังพื้นที่อื่นได้ โดยมีเป้าหมายขยายให้ครอบคลุมถึง 3,000 ชมรมภายในปี 2570 เพื่อให้ผู้สูงอายุกว่า 600,000 คน ได้รับประโยชน์จากการมีสุขภาวะและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น” นางภรณี กล่าว
นางภรณี กล่าวต่อว่า สสส. สนับสนุนให้ชมรมผู้สูงอายุเข้มแข็ง ผ่านกระบวนการการทำงานเชิงรุก เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มสูงวัย และดูแลอย่างใกล้ชิด เติมเต็มช่องว่างในกลุ่มผู้สูงอายุเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุยากจน ติดบ้าน ติดเตียง หรือมีข้อจำกัดด้านสุขภาพที่ไม่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมของชมรมได้ นอกจากนี้ชมรมผู้สูงอายุได้ทำงานร่วมกับ องค์กรท้องถิ่นและเครือข่ายในพื้นที่ โดยเฉพาะ “สภาองค์กรชุมชน” ที่จะสร้างกระบวนการพัฒนาควบคู่กันไป ความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ช่วยให้เกิด “ระบบดูแลผู้สูงอายุในชุมชนโดยชุมชน” การเดินหน้าอย่างเป็นระบบร่วมกัน พัฒนาชมรมผู้สูงอายุกลายเป็นแกนกลางของการดูแลสุขภาวะ และพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงวัยไทยในทุกพื้นที่ได้อย่างแท้จริง นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการเตรียมความพร้อมสู่ “สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์” ที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง จากความร่วมแรงร่วมใจจากทุกภาคส่วน
นพ.วิชัย โชควิวัฒน ประธานสมาคมสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ เป็นการทำงานร่วมกัน เพื่อช่วยลดความเหลื่อมล้ำในกลุ่มผู้สูงอายุ มุ่งสู่เป้าหมายขับเคลื่อนผู้สูงอายุเข้มแข็ง ชุมชนมั่นคง ลดความเหลื่อมล้ำผู้สูงอายุกลุ่มเปราะบาง บูรณาการการทำงานในพื้นที่นำร่อง 7 จังหวัด ประกอบด้วย นครสวรรค์ สุพรรณบุรี ชัยนาท นครราชสีมา ร้อยเอ็ด ตรัง และสงขลา พร้อมขยายไปยังอีก 25 จังหวัด โดยคัดเลือกจากจังหวัดที่มีผู้สูงอายุมากที่สุดในแต่ละภาคมาร่วมกัน โดยสมาคมสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทยฯ จัดทำข้อมูลและแผนการพัฒนาผู้สูงอายุ พร้อมติดตามและเชื่อมโยงการดำเนินงานกับหน่วยงานท้องถิ่น ในขณะที่ พอช. จะเป็นหน่วยงานที่บูรณาการกลไกชุมชน เช่น สภาองค์กรชุมชนและกองทุนสวัสดิการชุมชน ให้มีบทบาทร่วมในการสนับสนุนการขับเคลื่อนงานผู้สูงอายุเน้นการสร้างพื้นที่ต้นแบบ โดยสภาองค์กรชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม
นายกฤษฎา สมประสงค์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน กล่าวว่า พอช.ต้องการสร้างชุมชนเข้มแข็ง ผู้สูงอายุเป็นกำลังสำคัญของประเทศ ที่สามารถ 1. เลี้ยงดูตัวเองและลูกหลานได้ 2. เป็นพลังในการจับจ่ายใช้สอย 3. สามารถพัฒนาชมรมผู้สูงอายุ และศักยภาพที่จำเป็นต่อการพัฒนาประเทศ เป็นการยึดโยงผู้คนจากชมรมผู้สูงอายุสู่โรงเรียนผู้สูงอายุ ไปสู่องค์กรท้องถิ่น โดยการเชื่อมต่อขบวนการทำงานร่วมกัน ตั้งแต่สภาองค์กรชุมชน ระบบสวัสดิการชุมชน กองทุนวันละบาท และจัดตั้งเป็นกองทุนในการดูแลคุณภาพชีวิตตราบจนสิ้นลมหายใจ สร้างคุณภาพชีวิตที่มั่นคงให้กับผู้สูงอายุ เพื่อพัฒนาสังคมสูงวัยที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีได้อย่างยั่งยืน
