สสส.พร้อมภาคีฯ สร้างผู้บริโภครับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม
ที่มา : ไทยโพสต์
ภาพประกอบจาก สสส.
15 มีนาคมของทุกปี ถือเป็นวันสิทธิผู้บริโภคสากล (World Consumer Rights Day) ผู้บริโภคทั่วโลกร่วมมือกันในการสะท้อนปัญหาที่ผู้บริโภคกำลังเผชิญ สร้างความตระหนักเรื่องสิทธิผู้บริโภคที่ควรได้รับการปกป้องและคุ้มครอง รวมทั้งการรณรงค์ต่อต้านการค้าที่ไม่เป็นธรรมและความไม่เป็นธรรมทางสังคมทั้งหลายที่ผู้บริโภคได้รับ
ในขณะที่ ผู้บริโภคไทยยังเผชิญกับปัญหาผู้บริโภคที่ซับซ้อน ทั้งปัญหาพื้นฐานเรื่องความปลอดภัย ปัญหาการเข้าถึงบริการที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต อากาศที่สะอาด ทางเลือกในการบริโภคมีจำกัด ปัญหาการผูกขาด ปัญหามีความรุนแรงและกว้างขวางรวดเร็วขึ้น ตามสภาพการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ สังคม สื่อออนไลน์และเทคโนโลยีในปัจจุบัน ตลอดจนการกระตุ้นให้มีการบริโภคเกินความจำเป็นอย่างไร้ขีดจำกัด ผู้บริโภคมีช่องทางในการใช้สิทธิเรียกร้องมากขึ้นเมื่อถูกละเมิดสิทธิ กระบวนการเยียวยาความเสียหายยังไม่มีประสิทธิภาพ ระบบและกลไกการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคโดยภาพรวมยังไม่สามารถตอบสนองต่อปัญหาที่เปลี่ยนแปลงไปหรือเท่าทันกับปัญหาที่เกิดขึ้น นำมาสู่การผลักดันให้ผู้บริโภคมีบทบาทรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (มพบ.) กล่าวเนื่องในวันสิทธิผู้บริโภคสากล 15 มีนาคม 2563 ว่า ปัจจุบันสหพันธ์องค์กรผู้บริโภคสากลและองค์กรสมาชิกที่มีมากกว่า 200 องค์กรจาก 115 ประเทศทั่วโลก ในประเทศไทยมีมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคเป็นสมาชิกสามัญ โดยในปีนี้สากลได้กำหนดภาพรวมการสื่อสารเพื่อผลักดันให้ผู้บริโภครับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิด "The Sustainable Consumer" อันเนื่องมาจากภาวะโลกร้อนที่กำลังส่งผลกระทบต่อประชากรทุกภูมิภาคโลก
"การขับเคลื่อนมุ่งสื่อสารรณรงค์ 5 ประเด็น ได้แก่ การเรียกร้องข้อมูลเรื่องความยั่งยืนของสินค้า การขนส่งที่ยั่งยืน การเดินทางโดยใช้บริการ Sharing แฟชั่นหมุนเวียน หีบห่อที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสินค้าที่มีอายุการใช้งานนานขึ้น" สารี กล่าวถึงแนวทาง
ในปีนี้นอกจาก มพบ. สสส. และคณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชนจะสนับสนุนประเด็นการบริโภคอย่างยั่งยืนแล้ว ยังเดินหน้าสื่อสารผลักดันเชิงนโนบายในประเด็นค่าโดยสารรถสาธารณะ สารี ระบุว่า ข้อมูลล่าสุดจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) พบว่า ค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคในการเดินทางเมื่อเทียบอัตราค่าแรงขั้นต่ำต่อวันของคนกรุงเทพมหานคร หากเป็นรถไฟฟ้าทุกระบบทั้ง BTS MRT และ ARL จะมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 26-28% หรือหากใช้รถเมล์ ขสมก.ปรับอากาศก็มีค่าใช้จ่ายสูงถึง 15-16% ส่วนรถเมล์ร่วมบริการอยู่ที่ 14% ขณะที่ในปารีสมีค่าใช้จ่ายเพื่อการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเพียง 3% ลอนดอน 5% โตเกียว 9% และสิงคโปร์ 5% เท่านั้น นั่นเท่ากับคนกรุงเทพต้องเสียค่าเดินทางต่อวันที่แพง และค่อนข้างสวนทางกับคุณภาพของบริการขนส่งสาธารณะ
"ความจริงคือ ประชาชนเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่แพงกว่านี้อีกมาก หากคิดตั้งแต่ออกจากบ้านเพื่อไปทำงาน ต้องใช้จักรยานยนต์รับจ้าง รถเมล์ รถตู้ กว่าจะถึงรถไฟฟ้า และหากต้องใช้รถไฟฟ้า 2 สาย ผู้บริโภคต้องเสียค่าใช้จ่ายส่วนแรกที่เรียกว่าค่าแรกเข้าเพิ่มอีก 14-16 บาท จากรถไฟฟ้าทุกสายที่ใช้บริการ จึงวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาการแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพื่อให้ประชากรเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะอย่างปลอดภัย เท่าเทียมเป็นธรรม เพราะเมื่อขนส่งมวลชนมีคุณภาพน่าใช้บริการแล้ว จะสามารถลดจำนวนรถบนท้องถนนได้ตามไปด้วย" เลขาธิการ มพบ.กล่าว
ด้าน ชาติวุฒิ วังวล ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สสส.ให้ความสำคัญกับแผนงานคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ เพื่อส่งเสริมให้ภาคประชาสังคมทำหน้าที่เฝ้าระวัง สร้างและจัดการความรู้ รวมทั้งแผนงานด้านสิ่งแวดล้อมกับสุขภาพ สนับสนุนให้ภาคีเครือข่ายดำเนินการผลักดันเชิงนโยบายเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) รับมือกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
"เพราะทุกๆ 1 นาที มีขวดพลาสติกถูกจำหน่ายออกไปกว่า 1 ล้านขวด ในขณะที่พลาสติก 50,000 ล้านชิ้นลอยอยู่ในทะเล คนซื้อเสื้อผ้ากันปีละ 80,000 ชิ้น และบริโภคอาหารปีละ 3,900 ล้านตัน โดย 1 ใน 3 ของอาหารที่ยังบริโภคได้เหล่านั้นถูกทิ้งอีกด้วย ทั้งหมดนี้ล้วนกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั้งทางตรงและทางอ้อม แม้เป็นเรื่องยากที่จะหยุดการบริโภคแบบไม่ยั่งยืนในระดับที่เป็นอยู่ แต่หากผู้กำหนดนโยบายเห็นความสำคัญ และประชาชนให้ความร่วมมือ เป็น ผู้บริโภคที่เท่าทันความเปลี่ยนแปลง เชื่อว่าจะสามารถบรรเทาปัญหานี้ได้ดียิ่งขึ้น"ชาติวุฒิ กล่าว
เพื่อสร้างการรับรู้สิทธิผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง มพบ., สสส., มหาวิทยาลัยรังสิต และภาคีเครือข่าย ได้จัดแคมเปญออนไลน์ขึ้นตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2563-30 เมษายน 2563 (วันสิทธิผู้บริโภคไทย) โดยมีกิจกรรมถ่ายทอดสดการเสวนา Dream Talk ภาพฝันจากผู้บริโภคสร้างแรงบันดาลใจ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้คนอยากเปลี่ยนแปลงสังคม โดยตัวแทนผู้บริโภคที่มีชื่อเสียงจากหลากหลายวงการ พร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรมแชะ แชะ แชร์ แชร์ ปัญหาที่กระทบต่อผู้บริโภค ฯลฯ ผ่านทาง เฟซบุ๊ก "มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค" และเว็บไซต์ https://www.consumerthai.org/