สสส. ผนึกกรมพลศึกษา ดันหลักสูตรเอื้อเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
ที่มา: นสพ.มติชน ฉบับวันที่ 8 ก.ค. 2564 (กรอบบ่าย)
"เด็กที่มีความต้องการพิเศษ" หรือ "เด็กพิเศษ" คือ กลุ่ม เด็กที่มีความจำเป็นต้องได้รับการดูแลช่วยเหลือมากกว่าเด็กทั่วไป ทั้งด้านการใช้ชีวิตประจำวัน การเข้าสังคม และที่สำคัญเด็กกลุ่มนี้จะต้องได้รับสิทธิเสรีภาพในการเข้าถึงการเรียนรู้เทียบเท่าเด็กทั่วไปเพื่อให้ได้รับการพัฒนาด้านกาย จิต ปัญญา และสังคม เต็มตามศักยภาพของวัย ผ่านการออกแบบดูแล ช่วยเหลือตามความ เหมาะสมด้านพัฒนาการของเด็กแต่ละคน
ปัจจุบัน "เด็กพิเศษ" คือ กลุ่มเด็กที่มีความบกพร่องด้านต่างๆในร่างกาย กระทรวงศึกษาธิการได้แบ่งลักษณะของเด็กพิเศษ ออกเป็น 9 กลุ่ม ได้แก่ 1.เด็กที่มีความบกพร่องทางการมองเห็น 2.เด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน 3.เด็กที่มีความบกพร่องทางการสื่อสาร 4.เด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกายและการเคลื่อนไหว 5.เด็กที่มีความบกพร่องทางอารมณ์และพฤติกรรม 6.เด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา 7.เด็กที่มีความบกพร่องทางการ เรียนรู้ 8.เด็กออทิสติก และ 9.เด็กที่มีความพิการซ้อน ซึ่งเด็กกลุ่มนี้จำเป็นที่จะต้องได้รับการเรียนรู้ การอบรมสั่งสอนจากสถานศึกษา บุคลากรผู้ให้ความรู้ที่เหมาะสมกับเด็กแต่ละกลุ่ม
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงร่วมมือกับ กรมพลศึกษา และ มูลนิธินวัตกรรมสร้างสรรค์สังคม จัดเสวนาออนไลน์เปิดตัว "หลักสูตรผู้ฝึกสอนกิจกรรมทางกายสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ ระดับประถมศึกษา (ประเภทความบกพร่องทางสติปัญญา) และ คู่มือการสอนกิจกรรมทางกายสำหรับเด็กบกพร่องทางสติปัญญา (ฉบับผู้ปกครอง)" ซึ่งอยู่ภายใต้โครงการสร้างเสริมสุขภาวะให้กับเด็กที่มีความต้องการพิเศษด้วยการใช้กิจกรรมทางกายเป็นสื่อสำหรับครูพลศึกษาในโรงเรียน เพื่อเพิ่มทักษะให้ครูรู้จักการออกแบบกิจกรรมทางกายในวิชาเรียนให้เหมาะสมกับเด็กที่มีความต้องการพิเศษและเด็กทั่วไป การสอนกิจกรรมทางกายที่ถูกต้องให้เด็กพิเศษ จะช่วยให้เด็กมีสุขภาพแข็งแรง ควบคู่กับการกระตุ้นพัฒนาการด้านสติปัญญาเด็กได้ตรงจุด
รวมถึงเป็นการพัฒนาทักษะและเสริมสร้างร่างกายของเด็กให้มีร่างกายที่แข็งแรง เพิ่มโอกาสการเรียนรู้อย่างเท่าเทียม รวมถึงการส่งเสริมการสอนเด็กที่มีความต้องการพิเศษให้สามารถเป็นบุคลากรที่มีคุณค่าในสังคม และสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเหมือนเด็กทั่วไป
นางภรณี ภู่ประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ สสส. กล่าวว่า ปัจจุบันคนพิการมีการขึ้นทะเบียนในระบบประมาณ 2 ล้านคน สำหรับกลุ่มบุคคลที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ แบ่งเป็น 4 กลุ่ม คือ ด้านจิตใจหรือพฤติกรรม ด้านสติปัญญา กลุ่มออทิสติก และด้านการเรียนรู้ ที่ผ่านมาพบว่า เด็กกลุ่มนี้มักไม่ได้รับบัตรคนพิการ เพราะไม่มีเอกสารทางการแพทย์รับรองความพิการตั้งแต่กำเนิด เนื่องจากประเภทความพิการของเด็กกลุ่มนี้ไม่แสดงอาการให้เห็นทางกายภาพ จึงต้องอาศัยระยะเวลา ประเมินความพิการ ทำให้เด็กกลุ่มนี้ได้รับบัตรคนพิการช้ากว่า คนพิการกลุ่มอื่นๆ โดยข้อมูลจากกระทรวงพัฒนาสังคมและ ความมั่นคงของมนุษย์ ปี 2564 พบเด็กที่มีความต้องการพิเศษ กลุ่มพิการด้านสติปัญญา 142,667 คน ซึ่งปัจจุบันมีแนวโน้มว่า จะพบเด็กกลุ่มนี้เพิ่มจำนวนมากขึ้นจากปัจจัยต่างๆ
นางภรณี กล่าวต่อว่า ปัจจุบันเด็กที่มีความต้องการพิเศษจำนวนหนึ่งสามารถเรียนต่อจนจบในระดับอุดมศึกษาได้แค่ร้อยละ 1.38 เท่านั้น ส่วนใหญ่ร้อยละ 80 จบเพียงระดับประถมศึกษา เพราะว่ามีอุปสรรคในการเรียนรู้หรือชีวิตความเป็นอยู่ที่ไม่เอื้อประโยชน์ต่อการเข้าไปอยู่ในโรงเรียน เพราะปัญหาด้านร่างกาย ปัญหากับครอบครัว ฐานะทางเศรษฐกิจ ล้วนแต่เป็นอุปสรรคในการเรียนต่อสำหรับเด็กพิการ รวมถึงปัญหาเมื่ออยู่ในโรงเรียนที่เรียนร่วมกับ กลุ่มเด็กกลุ่มอื่นๆ ซึ่งมีโอกาสที่จะถูกกลั่นแกล้ง ถูกเพื่อนล้อ แม้กระทั่งครูผู้สอนไม่สามารถถ่ายทอดความรู้ที่เหมาะสมกับเด็ก ที่มีความต้องการจำเป็นเป็นพิเศษได้ โดยร้อยละ 30 ของเด็กพิการ คือกลุ่มที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ
"สสส. จึงมีบทบาทสำคัญในการเข้ามาสนับสนุนกลุ่มเด็กที่มีความจำเป็นพิเศษกลุ่มนี้ คำว่าสุขภาวะสำหรับคนพิการ สสส. ให้ความสำคัญมาก เราพูดถึงสุขภาวะใน 4 มิติ สุขภาวะด้านร่างกาย ด้านจิตใจ ด้านปัญญา และด้านสังคม ซึ่งด้านร่างกาย จะต้อง ช่วยในการฟื้นฟูให้เด็กที่มีความต้องการพิเศษมีความแข็งแรงมากขึ้น เรื่องนี้ก็จะเป็นเรื่องพื้นฐานที่เราจะพยายามสนับสนุนให้คนพิการสามารถมีสุขภาพหรือสุขภาวะที่ดีในด้านอื่นๆ เหมือนเด็กทั่วไป สสส.ก็อยากจะให้เด็กที่มีความต้องการพิเศษมีความมั่นใจ พึ่งพาตนเองได้สามารถรู้ว่าอะไรดีไม่ดีกับตนเอง ดังนั้น สสส. ถึงให้ความสำคัญ ในการเตรียมความพร้อมสำหรับเด็กกลุ่มที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษกลุ่มนี้"
นางภรณี กล่าวต่ออีกว่า สสส. ให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมให้กับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ ทั้งในด้านการใช้ชีวิต และการทำงาน ด้วยการร่วมพัฒนาหลักสูตรที่เอื้อให้ผู้ปกครองและเด็ก สามารถก้าวผ่านอุปสรรคต่างๆ โดยส่งเสริมการทำกิจกรรมการอยู่ร่วมกันในสังคม กิจกรรมทางกาย รวมถึงสนับสนุนด้านการเรียนต่อของเด็กกลุ่มนี้ นอกจากนี้ สสส. ยังมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนด้านการทำงานของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ โดย ร่วมร่างหลักสูตรและคู่มือแนวทางสำหรับเด็กกลุ่มนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่การประกอบอาชีพที่มีความเหมาะสม และตรงกับความต้องการมากที่สุด
นอกจากนี้ยังร่วมพัฒนาหลักสูตรผู้ฝึกสอนกิจกรรมทางกายฯ และคู่มือกิจกรรมทางกายฯ (ฉบับผู้ปกครอง) เพื่อทำให้เด็กที่มี ความต้องการพิเศษทั่วประเทศได้รับความเป็นธรรมทางสุขภาพ ไม่ถูกละเลย หรือถูกเลือกปฏิบัติในรั้วโรงเรียนและสังคม โดยตั้งเป้าภายในปี 2565 ร่วมกับกรมพลศึกษาผลักดันให้เกิดการจัดการอบรมขยายในวงกว้างให้ครูในโรงเรียนเรียนร่วมได้เพิ่มเติมศักยภาพในการสอนกิจกรรมทางกายได้อย่างถูกต้องตามหลักการ จนส่งผลให้เกิด สุขภาวะกับเด็กที่มีความต้องการพิเศษในโรงเรียนที่เข้าร่วม ทั่วประเทศ และเผยแพร่คู่มือการสอนกิจกรรมทางกายสำหรับ เด็กบกพร่องทางสติปัญญา (ฉบับผู้ปกครอง) ให้ถึงมือผู้ปกครองของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ เพื่อผู้ปกครองจะได้มีส่วนในการพัฒนาสุขภาวะอย่างต่อเนื่องให้กับเด็กที่มีความต้องการพิเศษที่บ้านต่อไป
นับจากนี้ คือ การเปิดโอกาสให้กลุ่มเด็กที่มีความต้องการพิเศษเหล่านี้ มีโอกาสได้เรียนรู้ ได้เข้าอยู่ในสังคม ซึ่งโอกาสเหล่านี้จะเชื่อมโยงถึงการพัฒนาทักษะต่างๆ ให้เด็กกลุ่มนี้ได้ใช้ชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไป และสิ่งสำคัญที่สุด คือ การเปิดใจและต้อนรับเด็กเหล่านี้เข้ามาอยู่ในสังคมเสมือนหนึ่งคนปกติทั่วไป